Bill Gates มองความเสี่ยงของ AI อย่างไร?

Bill Gates บิลล์ เกตส์ กับมุมมองส่วนตัวที่สะท้อนต่อประเด็น ความเสี่ยงของ AI ในฐานะ อดีตผู้ทรงอิทธิพลของโลกเทคโนโลยี ก็มีอะไรที่น่าเก็บมาคิด
Share

 

เมื่อเอ่ยถึงชื่อของ Bill Gates ภาพจำของเขากับเรื่องของ AI ดูจะไม่ค่อยชัดนัก แต่ในฐานะของหนึ่งใน ผู้ทรงอิทธิพลทางด้านเทคโนโลยี ความเห็นของเขากับเรื่องความเสี่ยงของโลกใหม่นี้ ก็น่าสนใจไม่ใช่น้อย

 

แทบไม่มีใครที่ไม่รู้จักชายที่ชื่อ Bill Gates กับภาพที่คนทั้งโลกมองว่าเขาคือตัวแทนของโลกเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ โดยล่าสุดเขาได้ออกมาแสดงความคิดเห็นถึงประเด็นความเสี่ยงต่างๆ จาก AI ผ่าน Blog ส่วนตัว โดยสรุปคือ เขารู้สึกตื่นเต้นกับประโยชน์และความสามารถของ AI มากกว่าที่จะรู้สึกถึงความน่ากลัว พร้อมได้อธิบายสิ่งที่เราอาจจะได้ยินกันบ่อยๆ

ชายผู้เคยได้ชื่อว่ามีอิทธิพลต่อโลกเทคโนโลยีที่สุด อธิบายว่าความเสี่ยงตามที่หลายคนกลัวนั้นก็มีอยู่จริง แต่ก็เป็นเรื่องที่จัดการได้ และพูดถึงความเสี่ยง 5 ประการ เรื่องแรกคือ AI สร้างข้อมูลที่ไม่ถูกต้องออกมามากมาย แถมการปลอมข้อมูลที่เรียกว่า Deepfakes อาจถูกนำมาใช้เพื่อหลอกลวงผู้คนหรือแม้แต่บิดเบือนผลการเลือกตั้ง

สอง AI สามารถค้นหาช่องโหว่ในระบบคอมพิวเตอร์ได้โดยอัตโนมัติ ซึ่งทำให้มีความเสี่ยงในการโดนโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มขึ้น เรื่องที่สาม คือสิ่งที่คนทำงานหลายคนอาจมีความกังวลกันอยู่ นั่นคือ AI จะเข้ามาแย่งงานมนุษย์ ข้อที่สี่ คือวันนี้พิสูจน์ได้แล้วว่า AI มีการปั้นแต่งข้อมูลรวมถึงมีอคติในการตัดสินใจ และสุดท้ายการใช้ AI อาจทำให้นักเรียนหรือผู้คนทั่วไปไม่ได้เรียนรู้ทักษะเพิ่มเติม กระทั่งในเรื่องของการเขียนเช่นกัน ทำให้การเรียนรู้ ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด

 

Bill Gates กับมุมมองต่อ AI  และความเสี่ยงของมัน

แม้ว่าเขาจะพูดถึงเรื่องความเสี่ยงเกี่ยวกับ AI ที่เห็นอยู่ หรือแม้แต่เรื่องที่เป็นอคติของคนทั่วไป แต่ก็ไม่ได้แตะในประเด็นความไม่เท่าเทียมที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา AI ยกตัวอย่างเช่นการที่บริษัทอย่าง OpenAI นั้นจ่ายค่าจ้างพนักงานชั่วคราวในเคนยาที่มีสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ ด้วยอัตราค่าจ้างเพียงชั่วโมงละ 2 ดอลลาร์สหรัฐเท่านั้น

รวมถึงแง่มุมทางกฎหมายที่นักพัฒนา AI ต้องเผชิญ จากการนำข้อมูลจำนวนมากมาจากอินเทอร์เน็ตเพื่อใช้พัฒนาระบบของตน ยกตัวอย่างเช่น นักแสดงตลก Sarah Silverman และนักเขียนอีกสองคนได้ฟ้อง Meta และ OpenAI ในข้อหาละเมิดลิขสิทธิ์ โดยกล่าวหาว่าได้มีการนำหนังสือของตนไปใช้ในการฝึกอบรมระบบ AI โดยที่ไม่ได้รับความยินยอมจากตนผู้เป็นเจ้าของ

สำหรับตัวเขาที่ผ่านมากลับกลายเป็นผู้ที่มีส่วนอย่างมากกับเรื่องอนาคตของ AI เพราะ Microsoft ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีที่เขาร่วมก่อตั้งและยังคงถือหุ้นอยู่นั้น เป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ที่สุดของ OpenAI หนึ่งในบริษัทที่เป็นผู้นำในการผลักดันการพัฒนา AI และเป็นผู้สร้าง ChatGPT

หนึ่งในสิ่งที่เขาพูดคือ “ไม่มีใครที่จะมีคำตอบให้กับทุกเรื่อง” พร้อมทั้งมองโลกในแง่ดี ด้วยการให้ความหวังว่ามนุษย์จะสามารถจัดการกับทุกความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ “อนาคตของ AI ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด และก็ไม่ได้สดใสเกินไปอย่างที่คนอื่นคิด”

เจ้าพ่อไอที อย่างเขายังได้ชี้ชวนให้มองประเด็นสำคัญอื่นๆ

 

มองย้อนกลับไปในอดีต แล้วใจร่มๆ

Bill Gates ชี้ว่าการทำงานของทั้งหน่วยงานรัฐบาล บริษัทเอกชนและคนทั่วไป ช่วยลดความเสี่ยงจากเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้เหมือนที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และเขาก็เชื่อว่า กับ AI ก็จะเป็นแบบนั้นเช่นกัน

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่สังคมเกิดการเปลี่ยนแปลงจากพลังของเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น โดยตัว เกตส์ เองได้ยกตัวอย่างเกี่ยวกับการปรับตัวและวิธีการจัดการในการพัฒนาด้านเทคโนโลยี ผู้คนเรียนรู้ที่จะสงสัยมากขึ้นเกี่ยวกับกลโกงอย่าง Romance Scam ที่มีคนสวมรอยเป็นเจ้าชายแห่งไนจีเรีย สัญญาว่าจะให้ผลตอบแทนก้อนโตจากการเปิดเผยหมายเลขบัตรเครดิตของคุณ

โดยเขาให้เหตุผลว่า ผู้คนน่าจะพัฒนาโดยใช้สัญชาตญาณในลักษณะเดียวกัน สำหรับข้อมูลมั่วที่สร้างโดย AI ในขณะที่มีข้อกังวลว่าความพยายามในการพัฒนาอาวุธไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI อาจนำไปสู่การแข่งขันทางอาวุธ ข้อความที่เขาเขียนยังพูดถึงว่าในอดีตที่ผ่านมารัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้ประสานความร่วมมือเพื่อป้องกันการแข่งขันทางอาวุธอยู่แล้ว ซึ่งในทำนองเดียวกันเทคโนโลยีใหม่ๆ อาจทำให้บางคนตกงาน แต่ก็สร้างตำแหน่งงานใหม่ด้วยเหมือนกัน

 

โฟกัสไปที่ความเปลี่ยนแปลงในระยะสั้นและระยะกลาง

สิ่งที่ อดีตเจ้าพ่อไอที เขียนใน Blog ได้ระบุถึง “ความเสี่ยงที่มีอยู่แล้ว หรือกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า” แทนที่จะเป็นความเสี่ยงในระยะยาว เช่นการที่ AI มีศักยภาพสูงมากจนสามารถพัฒนาเป้าหมายของตนเองไปสู่ความขัดแย้งกับมนุษย์ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาก็ไม่ได้มองเรื่องนี้ว่าไม่สำคัญ

เพราะเมื่อต้นปี 2023 เขาและผู้นำด้านเทคโนโลยีคนอื่นๆ ได้ลงนามในแถลงการณ์สาธารณะที่เตือนว่า “การลดความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จาก AI ควรมีความสำคัญระดับโลกควบคู่ไปกับความเสี่ยงด้านอื่นที่ส่งผลกระทบต่อสังคม อย่าง โรคระบาดและสงครามนิวเคลียร์ แต่เช่นเดียวกับนักคิดด้าน AI คนอื่นๆ เช่น Margaret Mitchell ตัวเขาเชื่อว่า “ความเสี่ยงในระยะยาว ยังไม่น่ากังวลเท่ากับความเสี่ยงระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นได้ฉับพลัน”

 

AI อาจช่วยแก้ปัญหาที่ตัวเองสร้างขึ้นได้

ตัวของ เกตส์ แนะว่า AI อาจจบปัญหาที่ตัวมันเองสร้างขึ้น โดยเครื่องตรวจจับ Deepfake ที่ขับเคลื่อนด้วย AI สามารถตอบโต้ข้อมูลปลอมที่สร้างโดย AI ได้ รวมถึง AI สามารถตรวจจับช่องโหว่ด้านความปลอดภัยในโลกไซเบอร์และแก้ไขได้ก่อนที่อาวุธทางไซเบอร์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI จะใช้ประโยชน์จากช่องโหว่เหล่านั้น

เขามีความเชื่อเรื่องเหล่านี้ พอๆ กับที่เชื่อมั่นในศักยภาพของสังคมที่สามารถจัดการกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีได้ดี เพื่อให้ได้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เขายังมอง AI ในแง่ดีด้วยความระมัดระวัง พร้อมกับเรียกร้องให้มีการพัฒนาต่อมากกว่าที่จะหยุด ซึ่งสอดคล้องกับบรรดาผู้ที่กำลังพัฒนาระบบ AI อย่างเช่น OpenAI เองก็ได้มีการประกาศเปิดตัวทีม “superalignment” ที่มุ่งเน้นพัฒนาระบบ AI ที่ช่วยควบคุมและบังคับการทำงานของระบบ AI เองได้ฉลาดมากกว่า (มนุษย์)”

 

สุดท้ายคือคงต้อง รอชม ว่าในอนาคตจะเหมือน คล้าย หรือแตกต่างจากที่ บิลล์ เกตส์ เขาได้อธิบายไว้ อีกไม่นานก็คงได้รู้กันอย่างแน่นอน

 

เรียบเรียงจากบทความ Why Bill Gates Isn’t Too Worried About the Risks of AI : Time Online

 

หากคุณชื่นชอบ คอนเทนต์ ทางด้านเทคโนโลยี ความเสี่ยง ความปลอดภัยทางด้านไซเบอร์ สามารถอ่านเรื่องอื่นๆ เพิ่มเติมได้ ที่นี่

Related Articles