ตามดู Demerit Point และ Traffic Fines ระบบตัดแต้มและค่าปรับจราจร จากประเทศเพื่อนบ้านแล้วย้อนดูตัวเรา

Demerit Point และ Traffic Fines รูปแบบการตัดแต้มและค่าปรับจราจรในเพื่อนบ้านที่คุ้นเคย นี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่สำหรับเราคือต้องเรียนรู้
Share

 

หลังจาก สตช. และกรมการขนส่ง ประกาศใช้นโยบายการตัดคะแนนการขับขี่ที่เชื่อมโยงกับใบอนุญาตขับขี่ในประเทศไทยไปเมื่อต้นปี แม้ยังไม่มีดราม่า แต่ควรส่องกันให้รู้ว่าระบบตัดแต้มความประพฤติในการขับขี่ของเพื่อนบ้านในเอเชียอย่างสิงคโปร์ และ ญี่ปุ่น ดุเดือด หรือหวานเย็นกันขนาดไหน

 

การจราจรบนท้องถนนในประเทศไทยนั้น คนที่ใช้รถใช้ถนนทุกวันมักรู้ดีถึงปัญหา โดยเฉพาะในเขต กทม. ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมาสำหรับพ่อเมือง เป็นปัญหาที่ผู้นำทุกสมัยต้องกุมขมับ และส่งต่อปัญหาจากรุ่นสู่รุ่น ตราบใดที่กรุงโรมไม่สามารถสร้างได้เสร็จภายในวันเดียว ปัญหาท้องถนนในกรุงเทพฯ ก็เช่นกัน

สิ่งที่น่าตกใจคือ ประเทศไทยนั้นติดหนึ่งในสิบอันดับของประเทศการจราจรไร้ระเบียบที่สุด และหนึ่งในปัจจัยอาจเกี่ยวข้องมาจากความยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตของผู้คนส่วนใหญ่ ทำให้กฏระเบียบบางอย่างอาจจะยืดหยุ่นตามไปด้วย รวมถึงการใช้รถใช้ถนน

ล่าสุดเราเดินทางกันมาถึงจุดที่ต้องนำระบบตัดแต้มขับขี่มาใช้ควบคุมพฤติกรรมในการใช้ถนนร่วมกัน ทำให้ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมการขนส่ง กระทรวงคมนาคม ร่วมมือกันออกแบบวิธีในการตัดคะแนนการขับขี่โดยตรงกับใบอนุญาตขับขี่ในประเทศไทย (สามารถอ่านข่าว NT หนุน สตช. เปิดตัว Khub Dee แอพบันทึกวินัยจราจร และ บทความ Khub Dee ระบบแต้มใบขับขี่ จะช่วยให้ถนนปลอดภัยได้จริงหรือไม่?

แอบส่อง Demerit Point ใน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สองประเทศที่คนไทยคุ้นเคย

จุดประสงค์ของการส่อง ไม่ใช่เพื่อการเปรียบเทียบ หากเป็นการศึกษาแนวคิดของประเทศที่เราคุ้นเคยกันอย่าง สิงคโปร์ และญี่ปุ่น ว่ามีหลักการในการตัดแต้มกันอย่างไรบ้าง เมื่อมีการละเมิดหรือกระทำผิดกฎจราจร

Motorist Traffic Police in Singapore
Photo Credit: Singapore Police Force

สำหรับการขับขี่รถยนต์ในประเทศสิงคโปร์นั้น ปัจจุบันจะมีระบบที่เรียกว่า Driver Improvement Points System หรือ DIPS ซึ่งเริ่มใช้งานมาตั้งแต่ปี 1983 เรียกง่ายๆ ว่าเป็นระบบแต้มการขับขี่ยานยนต์ซึ่งคะแนนนี้จะเริ่มต้นที่ 0 คะแนน หากผู้ขับขี่ทำผิดกฎจราจรในรูปแบบต่างๆ แต้มก็จะถูกเพิ่มเข้าไปในระบบนี้

ในญี่ปุ่นนั้น ไม่ได้มีชื่อเรียกโดยเฉพาะอย่างใน สิงคโปร์ แต่ก็เลือกระบบนับแต้มจราจรแบบเดียวกันก็คือเริ่มต้นที่ 0 คะแนน แล้วเพิ่มขึ้นตามแต่ฐานความผิดในการละเมิดกฎจราจร

โดยทั้งสองประเทศนั้นมีจำนวนคะแนนที่เมื่อเจ้าของใบอนุญาตขับขี่นั้นถึงกำหนดจะต้องถูกระงับใช้ใบอนุญาต ซึ่งมีทั้งแบบงดใช้ตั้งแต่ 3 เดือนไปจนถึงยกเลิกและห้ามมิให้ขับขี่ยานพาหนะไปตลอดชีวิตก็มี ในขณะที่มูลฐานความผิดมาที่สุดของประเทศไทยคือ เมาแล้วขับ จะถูกตัดคะแนนจากเครดิต 12 คะแนน

นั่นหมายถึงสำหรับประเทศไทยคุณเมาแล้วขับ คุณมีสิทธิที่จะทำความผิดนี้ได้ปีละ 3 ครั้ง พอขึ้นปีใหม่ก็ Set Zero ทำกันได้ใหม่ ในขณะที่สิงคโปร์และญี่ปุ่นนั้นหากบวกกับเกิดอุบัติเหตมีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย คุณไม่มีโอกาสในการขับรถใดๆ ได้อีกไปตลอดชีวิต

หรืออย่างในกรณีที่ไม่มีใบขับขี่ คล้ายกรณีล่าสุดในประเทศไทยที่มีว่าที่เยาวชนทีมชาติอายุ 16 ซึ่งรถ BMW คร่าชีวิตบัณฑิตใหม่ที่ขอนแก่น กรณีแบบนี้อย่างในญี่ปุ่นอย่างแรกของการตัดสินก็คือการปรับแต้มเครดิตการขับขี่สูงสุดที่ 24 คะแนน นั่นหมายถึงต่อจากนี้ไปตลอดชีวิตไม่สามารถขอทำใบอนุญาตขับขี่ได้อีกตลอดชีวิต

Demerit Point & Traffic Fines ลงลึกรายละเอียด ข้อหาไหนปรับเท่าไหร่ แล้วเมื่อไหร่โดนพักใช้

ในสิงคโปร์จะมีรายละเอียดปลีกย่อยของการกระทำผิดกฎจราจร ด้วยมีการแบ่งพื้นที่จราจรไว้ว่าส่วนไหนเป็นพื้นที่การจราจรแบบปกติ พื้นที่ไหนเป็นบริเวณสำคัญพิเศษ ซึ่งพออ่านแล้วก็พอเข้าใจได้เพราะว่าพื้นที่พิเศษนั้นก็คืออย่างเช่น พื้นที่ใกล้โรงเรียน พื้นที่ชุมชนหนาแน่น หรือพื้นที่ที่มีการรวมตัวของประชากรจำนวนมาก นั่นหมายถึงพื้นที่เหล่านี้จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ

มาดูเรื่องการสะสมแต้มก่อน เช่น สำหรับผู้ทำใบขับขี่ใหม่หรือใดๆ ก็ตามที่มีคะแนนจราจรสะสมที่ 13 คะแนนภายในระยะเวลา 12 เดือน ผู้ถือใบขับขี่จะถูกเรียกให้เข้าอบรมทฤษฎีและสอบการขับขี่ใหม่ เพื่อยังคงสถานะใบขับขี่ให้สามารถใช้งานได้เหมือนเดิม

ขยับมาถ้าสะสมแต้มถึง 24 คะแนนหรือมากกว่าในระยะเวลา 24 เดือน คุณจะถูกระงับใช้ใบขับขี่นาน 12 สัปดาห์

แต่หากฝ่าฝืนในช่วงของการถูกระงับใช้แล้วยังเกิดมีแต้มสะสมถึง 12 แต้มหรือมากกว่าภายใน 12 เดือน เจอข้อหาหนักมาก ด้วยการพักใช้ใบอนุญาต 36 เดือน

สำหรับระบบตัดแต้มของประเทศญี่ปุ่นนั้นจะมีอายุ 3 ปี โดยเมื่อไหร่ที่แต้มจราจรของคุณไปถึง 15 คะแนน ใบขับขี่ของคุณนั้นอาจจะถูกระงับการใช้งานโดยเริ่มตั้งแต่การระงับใช้นานหลายเดือนไปจนถึงถูกยกเลิกใบขับขี่และไม่สามารถขอใหม่ได้ตลอดชีพ

หากถามถึงเรื่องของการตัดคะแนน ญี่ปุ่นถือเป็นประเทศที่คะแนนการขับขี่นั้นมีค่ามากๆ แต่สิงคโปร์ก็เข้มข้นเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่าง กรณีเมาแล้วขับนั้นหากตรวจพบว่ามีความเข้มข้นที่ 0.25 BAC (เทียบเท่า 250-400 ml./dl) จะถูกปรับที่ 25 คะแนน นั่นแปลว่าใบอนุญาตขับขี่อาจจะปลิวไปเลยก็ได้ แถมยิ่งถ้าเป็นเหตุให้เกิดอุบัติเหตุด้วยละก็ให้บอก Top Up เข้าไปอีก

ส่วนใน สิงคโปร์ นั้นนอกจากการตัดแต้มแล้ว ยังมีค่าปรับในแต่ละข้อหาที่แตกต่างกันไป สำรวจดูแล้วจะเริ่มที่ประมาณ 100 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 2,500 บาท ไปเรื่อยๆ จนถึงข้อหาร้ายแรงอย่าง 2,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ ในข้อหาความผิดในการใช้โทรศัพท์มือถือในขณะขับรถเป็นครั้งที่สอง

 

เรื่องนี้เป็นการสำรวจคร่าวๆ ให้เห็นถึงวิธีการในต่างประเทศ เพราะระบบแต้มจราจร อาจจะเป็นเรื่องใหม่ในบ้านเรา แต่ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศอื่น ประเด็นสำคัญที่ต้องดูกันต่อไป คือเรื่องของการบังคับใช้ และจะช่วยแก้ไขปัญหาจราจรได้มากน้อยแค่ไหน อย่างน้อยเท่าที่เห็น คือความตื่นตัวในช่วงแรก แต่ก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องดูกันยาวๆ ต่อไปเช่นกัน

Related Articles