เบื้องหลังรอยยิ้มของ “ลิซ่า BLACKPINK” ดร.แสงสุข พิทยานุกุล จากเซลส์ขายยา สู่เจ้าของแบรนด์พันล้าน

Share

 

โดย…Rabbit2themoon

 

12 ปีที่แล้ว ที่ญี่ปุ่นยาสีฟันขายกันหลอดละ 100-300 เยน เดนทิสเต้ขาย 1,500 เยน ถามว่าทำได้อย่างไร นั่นคือต้องเข้าใจผู้บริโภค เพราะเดนทิสเต้เป็นนิชมาร์เก็ต ต้อง “ว้าว” ต้องมีลูกบ้ากล้าลุย”

 

ดร.แสงสุข พิทยานุกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป
Credit: Facebook Dr.Sangsuk Pithayanukul

ดร.แสงสุข พิทยานุกูล กรรมการผู้จัดการบริษัท สยามเฮลท์กรุ๊ป ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปากระดับพรีเมียม “เดนทิสเต้”(Dentiste) ที่ได้รับการยอมรับเป็น Best in Class ในกว่า 30 ประเทศทั่วโลก เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงการที่ ลิซ่า ลลิษา มโนบาล สมาชิกวง BLACKPINK ศิลปิน K-Pop ระดับโลก ต่อสัญญาเป็นแบรนด์ แอมบาสซาเดอร์ ให้กับเดนทิสเต้ เป็นปีที่ 2

 

“เดนทิสเต้มีมาร์เก็ตแชร์ในเกาหลีสูงถึง 12% ซึ่งผมไม่เคยคิดว่าจะได้มากขนาดนี้ เพราะสำหรับสินค้าพรีเมียมแค่ 6% ก็ถือว่าประสบความสำเร็จมากแล้ว”

 

“…คุณคิดว่า ลิซ่า ใช้ยาสีฟันอะไร ก็ต้องใช้ยาสีฟันที่เป็นพรีเมียม ตอนที่ลิซ่าเลือกเดนทิสเต้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นแบรนด์ไทย….”  

 

เบื้องหลังของ “เดนทิสเต้” แบรนด์พันล้านมาจากผู้ประกอบการรุ่นใหญ่วัย 65 ปี ที่วันนี้นั่งแท่นอธิการบดีสถาบัน IESA (Institute of Entrepreneurial Science Ayothaya) เจ้าของหลักสูตรบริหารธุรกิจบัณฑิต สาขาการจัดการเพื่อผู้ประกอบการยุคดิจิทัล โรงเรียนบ่มเพาะนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่เชิญนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมาร่วมเป็นอาจารย์และที่ปรึกษา อาทิ วิลเลียม ไฮเน็ค, วิชา พูลวรลักษณ์, พญ.นลินี ไพบูลย์, บุญเกียรติ โชควัฒนา ฯลฯ อีกบิ๊กโปรเจกต์ที่ไม่มีใครกล้าทำมาก่อน เพื่อสร้างนักธุรกิจรุ่นใหม่มาช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยไปยืนบนเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน

ดร.แสงสุข พิทยานุกูล นับเป็นผู้ชำนาญการด้านมาร์เก็ตติ้งเบอร์ต้นๆ ของเมืองไทย เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนหลายต่อหลายสำนักว่า…

 

“เบื้องหลังความสำเร็จของผมคือการค้นคว้าวิจัยเยอะ ผมไม่ได้ใช้มาร์เก็ตติ้งอย่างเดียว มันต้องเป็นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ ๆ มานำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดให้กับมนุษย์”

 

โดยจะเน้นย้ำกับฝ่ายวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ทุกครั้งว่าไม่ต้องกังวลเรื่องต้นทุน “การขายเป็นหน้าที่ของผม หน้าที่คุณคือเอาสิ่งที่ดีที่สุดในโลกออกมาให้ได้” ทุกคนจึงทำได้อย่างเต็มที่และด้วยความสบายใจ

เพราะหัวใจของผลิตภัณฑ์อยู่ที่นวัตกรรมและความแตกต่าง!

ชีวิตผมเป็นเภสัชกรมาก่อน ผมจึงเชื่อในเรื่องของสินค้าที่มีคุณภาพมากกว่ามาร์เก็ตติ้ง แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องของมาร์เก็ตติ้งไม่สำคัญ แต่ต้องทำให้ตรงกลุ่มลูกค้า

ผมคิดเสมอว่าถ้ามีคนอยู่ 100 คน แล้วมีคนซื้อสินค้าของผมเพียง 1 คนแค่นี้ผมก็รวยแล้ว บางคนเข้าใจว่าการขายของต้องมียอดขายเยอะ ซึ่งบางอย่างไม่จำเป็น อย่างสมูทอีของผมราคา 200 บาท แข่งกับสินค้ายี่ห้อหนึ่งที่ขายราว 50 บาท ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่สินค้าผมจะชนะ

แต่ต้องเข้าใจว่าเวลาเศรษฐกิจไม่ดีคนที่เคยซื้อของแพงระดับ 1,000 บาทจะลงมาใช้ของผม แต่ถ้าเศรษฐกิจดีคนที่ใช้ของต่ำกว่า 100 บาทก็มาซื้อของผมเช่นกัน ทำให้สินค้าของผมขายได้ตลอด

นิชมาร์เก็ต (Niche Market) มีข้อดีอยู่อย่างหนึ่งว่า บริษัทยักษ์ใหญ่เขาใหญ่เกินกว่าที่จะทำงานเล็ก ๆ และเขาจะทิ้งตรงส่วนนี้ สมมติเขากินเนื้อชิ้นใหญ่มันจะมีเศษเนื้อตกข้าง ๆ คุณเข้าไปเก็บกินได้อิ่มหลายสิบปีเลย ไม่ต้องไปกินเนื้อชิ้นใหญ่กับเขา เพราะเขาไม่ให้คุณกินหรอก ถ้าคุณแข่งกับเขาคุณต้องใช้พลังงานเยอะ คุณก็จะเจ็บปวดมากหากธุรกิจไม่ได้ดังที่ฝันไว้”

 

จากเซลส์ขายยา สู่เจ้าของแบรนด์พันล้าน

 

ดร.แสงสุข เป็นลูกคนที่ 8 ในบรรดา 9 พี่น้องของครอบครัวทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกสมุนไพรจีนย่านเยาวราช ความที่เป็นกิจการแบบกงสี ทำให้ไม่เพียงคุ้นเคยกับสมุนไพรจีน เพราะต้องหยิบจับช่วยเหลือที่บ้านแทบทุกอย่าง ตั้งแต่ส่งของ จัดเก็บสมุนไพร ไปจนถึงนำเช็คเข้าธนาคาร ได้รับการปลูกฝังด้านการค้าขายตั้งแต่ยังเป็นเด็กน้อย

หลังจากสำเร็จการศึกษา เภสัชศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เขาทำงานเป็นเซลล์ขายยาในภาคตะวันออกและภาคอีสาน แต่เพียงพักเดียวก็กลับมาศึกษาต่อในระดับปริญญาโท ที่มหาวิทยาลัย หลุยส์เซียนา ประเทศสหรัฐอเมริกา ก่อนจะเข้าทำงานในบริษัทยาแห่งหนึ่งอยู่ 6 ปี เมื่อพบว่าตัวเองไม่เหมาะกับงานประจำ จึงลาออกไปเปิดร้านขายยาที่ศูนย์การค้าสยาม

4 ปีต่อมาเมื่อทางศูนย์การค้ามีจดหมายแจ้งขอคืนพื้นที่เพื่อนำไปพัฒนาต่อ ดร.แสงสุข ซึ่งขณะนั้นเริ่มเบื่อกับการค้าปลีกแบบเดิมๆ ประกอบกับภาระที่ต้องทั้งผ่อนบ้าน ผ่อนรถยนต์ และยังมีลูกเล็กอีก 1 คน จึงเบนเข็มมุ่งเป็นผู้ประกอบการ โดยเริ่มจากการคัดเลือกสินค้า 10 ตัว มาพัฒนาและวางแผนการตลาด

ทว่า 5 ปีให้หลัง เหลือสินค้าเพียงตัวเดียวคือ สมูทอี (SmoothE) แม้จะบอกกับภรรยาว่า ถ้าสมูทอีไม่สำเร็จอีก จะเลิกทำกลับไปสมัครงานอีกครั้ง กระนั้นก็ไม่ได้รอเพียงโชค…

ขณะนั้นกระแสของวิตามินอีช่วยลบเลือนรอยแผลเป็นกำลังมาแรง ความที่เป็นเภสัชกรมาก่อน มีความรู้เรื่องของวิตามินอีธรรมชาติเป็นอย่างดี จึงพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์คุณภาพให้กับลูกค้า พร้อมกับทำการตลาดบนหน้านิตยสารที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย จากครีมลดริ้วรอยแผลเป็น ขยายไลน์เป็นโฟมไม่มีฟอง ได้รับผลตอบรับดีมาก

 

ชีวิตของผู้ประกอบการนั้น การเจออุปสรรคเป็นเรื่องธรรมดา ผมมองว่าเป็นการเรียนรู้ความผิดพลาดที่จะไม่ทำให้เกิดขึ้นอีก

ส่วนในเรื่องของการขายผมจะคิดสวนทางกับคนอื่นเสมอ ผมรู้สึกไม่ดีเลยถ้าสินค้าผมไม่มีคู่แข่ง เพราะการมีคู่แข่งเหมือนมีการโฆษณาความแตกต่างโดยให้คนอื่นมาช่วย เวลาเราพูดคนเดียวไม่มีคนเชื่อนะ แต่พอมีคนอื่นช่วยพูดให้ คนจะเชื่อ ข้อดีอีกอย่างเวลามีคู่แข่งพนักงานของเราจะทำงานกระตือรือร้นขึ้นเพราะอยู่เฉยไม่ได้ เหมือนนักวิ่งถ้าไม่มีคนมาแข่งกับคุณคุณก็วิ่งไม่เร็วหรอก โลกของธุรกิจก็เหมือนกัน”

 

ในปี 2540 ดร.แสงสุข ไปศึกษาต่อปริญญาเอกบริหารธุรกิจ ที่มหาวิทยาลัย โนวาเซาท์อีสเทิร์น รัฐฟลอริดา ที่นั่นทำให้ได้รู้จักและซึบซับความรู้จากโปรเฟสเซอร์หลายท่านที่เก่งด้านการตลาดแนวใหม่

“ผมต้องการต่อยอดองค์ความรู้ ผมต้องการ Smart Work ไม่ได้ต้องการ Hard Work ทุกวันนี้ทำอะไรผมก็ต้องค้นคว้าทำวิจัยเรื่องใหม่การเรียนระดับปริญญาเอกสอนให้คุณเข้าใจ ทำวิจัยแล้วก็ตั้งสมมติฐาน ซึ่งสิ่งที่ผมเรียนมามันใช้ได้ในชีวิตจริง อย่าง สมูทอี แอคเน่ ไฮโดรเจล ที่ต้องใช้เวลานานถึง 7 ปี”  

 

สำหรับ “เดนทิสเต้” ก็เช่นกัน มาจากการเรียนรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า จาก Plus White ยาสีฟันแบรนด์แรกที่ล้มเหลวชนิดที่แจกฟรีไม่มีคนเอา ค่อยๆ เก็บเกี่ยวประสบการณ์แล้วเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง

กระทั่งนำยาสีฟันมาให้ทันตแพทย์ทดลองใช้ แล้วทันตแพทย์ถามกลับมาว่า ยาสีฟันที่ให้มามีสารอะไรอยู่ในนั้น เพราะใช้แล้วตื่นมารู้สึกแตกต่างจากยาสีฟันแบรนด์อื่นๆ จึงทำวิจัยกับผู้บริโภคอีกครั้ง ด้วยการให้ผู้บริโภคกลุ่มตัวอย่าง 50 คนทดลองใช้ยาสีฟัน 7 วัน

ผลปรากฏว่ากลุ่มตัวอย่างตอบเสียงเดียวกันว่า ใช้แล้วตื่นมาไม่มีกลิ่นปาก เป็นที่มาของ “เดนทิสเต้ บนแนวคิด “ยาสีฟันก่อนนอนสำหรับคู่รัก โดยเปิดตัวในปี 2548

 

 

เครดิตภาพ: Dentiste Thailand

rabbit2themoon

rabbit2themoon

คอลัมนิสต์หน้าไม่ใหม่ เคยพำนักอยู่ใต้ชายคามติชน ประจำกอง บก.นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ก่อนขยับมาเป็นผู้สื่อข่าวเซ็กชั่นประชาชื่น เขียนสัมภาษณ์บุคคล-สกู๊ปเชิงไลฟ์สไตล์-ท่องเที่ยว-อาหาร-จิปาถะ สถานะปัจจุบัน นอกจากเป็นคอลัมนิสต์ ยังเป็นนักเขียนอิสระ เขียนบทความเชิงประชาสัมพันธ์

Related Articles