แคสเปอร์สกี้เปิดตัวเลขเซิร์ฟเวอร์ไทยถูกละเมิดและใช้โจมตีมากกว่าครึ่งล้านรายการ สวนทางดัชนีความปลอดภัยไซเบอร์

Share

 

ตามรายงานดัชนีความปลอดภัยทางไซเบอร์ระดับโลก 2024 หรือ GCI (Global Cybersecurity Index) ประเทศไทยเร่งเครื่องขึ้นมาอยู่อันดับที่ 7 จากอันดับที่ 44 เมื่อปี 2020 โดยประเทศไทยได้รับคะแนนดัชนีปีนี้ 99.22 คะแนน ทำให้ไทยเลื่อนขึ้นมาเป็นประเทศกลุ่มระดับ 1 (Tier 1) ซึ่งมีความสามารถเป็นต้นแบบในการปฏิบัติด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์

รายงาน GCI 2024 เผยให้เห็นถึงการปรับปรุงที่สำคัญของประเทศต่างๆ ที่กำลังดำเนินการด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งครอบคลุมถึงมาตรการทางกฎหมาย ความสามารถทางเทคนิคและกลยุทธ์ ความคิดริเริ่มในการสร้างขีดความสามารถ ความร่วมมือ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเสริมสร้างความสามารถในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ไซเบอร์ที่เกิดขึ้น

นายเซียง เทียง โยว ผู้จัดการทั่วไปประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า “คะแนนดัชนีของประเทศไทยนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องของไทยในการปรับปรุงความสามารถด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ประเทศไทยได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทั้งหน่วยงานด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับชาติ และบริษัทหลักในอุตสาหกรรม แคสเปอร์สกี้ยินดีที่ได้สนับสนุนประเทศไทยในการสร้างความสามารถในการรับมือภัยไซเบอร์ที่สูงขึ้น”

อย่างไรก็ดี ประเทศไทยกำลังเผชิญกับเหตุการณ์อันตรายทางไซเบอร์ที่มาจากเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์อยู่ในประเทศที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก จากรายงานของ Kaspersky Security Network พบว่าตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกันยายน 2024 มีเหตุการณ์พยายามโจมตีทางไซเบอร์ทั้งหมด 555,373 ครั้ง ซึ่งเพิ่มขึ้น 142.02% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2023 ที่มีเหตุการณ์ พยายามโจมตี 229,470 ครั้ง

 

ไตรมาส เหตุการณ์พยายามโจมตีทางไซเบอร์

ปี 2023

เหตุการณ์พยายามโจมตีทางไซเบอร์

ปี 2024

ไตรมาส 1 (มกราคม – มีนาคม) 123,253 157,935
ไตรมาส 2 (เมษายน – มิถุนายน) 64,609 196,078
ไตรมาส 3 (กรกฎคม – กันยายน) 41,608 201,360
รวม 229,470 555,373

 

เมื่อพิจารณารายไตรมาส แคสเปอร์สกี้ตรวจพบจำนวนเหตุการณ์พยายามโจมตีทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 (มกราคม – มีนาคม) ตรวจพบเหตุการณ์ 157,935 ครั้ง ไตรมาสที่ 2 (เมษายน – มิถุนายน) ที่ตรวจพบเหตุการณ์ 196,078 ครั้ง และเหตุการณ์จำนวน 201,360 ครั้งในไตรมาสที่ 3 ของปี 2024 (กรกฎาคม – กันยายน)

ผู้ก่อภัยคุกคามใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ถูกละเมิดเพื่อโฮสต์เว็บไซต์สำหรับส่งมัลแวร์ให้กับผู้ใช้อินเทอร์เน็ตที่ไม่ทันระแวดระวัง โดยอาจถูกหลอกล่อเข้าสู่เว็บไซต์อันตรายโดยใช้โฆษณาปลอม ลิงก์ฟิชชิงในอีเมล SMS และวิธีการอื่นๆ หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของเหยื่อจะถูกสอดส่องเพื่อหาช่องโหว่และละเมิด เมื่อผู้ใช้เจอภัยคุกคามออนไลน์ดังกล่าว โซลูชันของแคสเปอร์สกี้จะตรวจจับและบล็อกภัยคุกคาม และยังค้นหาและวิเคราะห์แหล่งที่มาของภัยคุกคามเหล่านี้ด้วย

เซิร์ฟเวอร์ในประเทศไทยเป็นเป้าหมายที่น่าสนใจสำหรับการโจมตีทางไซเบอร์เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ซึ่งกลายเป็นประโยชน์ต่อผู้ก่อภัยคุกคาม

  • ความสำคัญทางเศรษฐกิจและดิจิทัล: การใช้งานอินเทอร์เน็ตและบริการดิจิทัลที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้ความต้องการใช้งานศูนย์ข้อมูลและระบบดิจิทัลเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่ง: รัฐบาลได้ลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลอย่างหนัก รวมถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงและเครือข่าย 5G ซึ่งมีความสำคัญต่อการดำเนินงานของศูนย์ข้อมูล
  • ศูนย์ข้อมูล: ประเทศไทยเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับจัดตั้งศูนย์ข้อมูลเนื่องจากสภาพทางภูมิศาสตร์ นโยบายของรัฐบาล และศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจ
  • ความปลอดภัยของข้อมูล: ความปลอดภัยในศูนย์ข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลมีความสำคัญ เพราะหากการทำงานหยุดชะงักหรือสูญเสียข้อมูลอาจทำให้เกิดความไม่เสถียรได้
  • ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที: ประเทศไทยประสบความสำเร็จเรื่องการดำเนินการตามโครงการสร้างขีดความสามารถของผู้เชี่ยวชาญ ทั้งนี้การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะอาจทำให้เกิดความล่าช้าและลดประสิทธิภาพการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์และการจัดการภัยคุกคามได้
  • ภัยคุกคามซับซ้อน: ภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนมากขึ้น รวมถึงการโจมตีแบบ Man-in-the-Middle (MITM) การปฏิเสธการให้บริการแบบกระจาย (DDoS) และฟิชชิง สามารถทำให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนตกอยู่ในความเสี่ยงได้

นายเซียง เทียง โยว กล่าวเสริมว่า “แคสเปอร์สกี้ชื่นชมประเทศไทยที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา หากแต่สถิติภัยคุกคามเหล่านี้ก็แสดงให้เห็นว่าภัยคุกคามทางไซเบอร์ไม่มีวันสิ้นสุด ในภูมิทัศน์ดิจิทัลที่ซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ในปัจจุบัน สิ่งสำคัญคือต้องมุ่งมั่นและพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ต ภาคธุรกิจ และองค์กรต่างๆ ได้รับการปกป้อง เรายังคงมุ่งมั่นร่วมมือกับหน่วยงานรัฐบาลไทยอย่างเช่น สกมช. เพื่อพัฒนาระบบบริหารจัดการความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีประสิทธิภาพผ่านโปรแกรมสร้างขีดความสามารถของบุคลากร โครงการวิจัยและพัฒนา การพัฒนานโยบายและการนำไปปฏิบัติ ตลอดจนแคมเปญสร้างความตระหนักรู้แก่สาธารณชน”

กระบวนการและแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุด (Process and Best Practices) สำหรับองค์กรและธุรกิจทุกขนาดเพื่อปกป้ององค์กรจากภัยไซเบอร์

  1. อัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ทั้งหมดอยู่เสมอ เพื่อป้องกันผู้โจมตีจากการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่และแทรกซึมเข้าสู่เครือข่ายขององค์กร
  2. ติดตั้งแพตช์ที่พร้อมใช้งานสำหรับโซลูชัน VPN เชิงพาณิชย์โดยทันที เพื่อให้พนักงานที่ทำงานระยะไกลเข้าถึงได้และทำหน้าที่เป็นเกตเวย์ในเครือข่าย
  3. สำรองข้อมูลเป็นประจำ และตรวจสอบว่าสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็นหรือในกรณีฉุกเฉิน
  4. หลีกเลี่ยงการดาวน์โหลดและติดตั้งซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์หรือซอฟต์แวร์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก หรือไม่ผ่านการตรวจสอบ
  5. ห้ามเปิดเผยบริการเดสก์ท็อป/การจัดการระยะไกล (เช่น RDP, MSSQL เป็นต้น) ให้กับเครือข่ายสาธารณะ ควรใช้รหัสผ่านที่แข็งแกร่ง ใช้ 2FA และไฟร์วอลล์สำหรับบริการเหล่านี้เสมอ
  6. ตรวจสอบการเข้าถึงและกิจกรรมในเครือข่ายเพื่อค้นหากิจกรรมที่ผิดปกติ ควบคุมการเข้าถึงของผู้ใช้ตามความจำเป็นเพื่อลดความเสี่ยงของการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตและการรั่วไหลของข้อมูล
  7. จัดทำคู่มือความปลอดภัยฉุกเฉิน แคสเปอร์สกี้มีบริการช่วยฝึกซ้อมกรณีฉุกเฉิน
  8. ประเมินและตรวจสอบการเข้าถึงซัพพลายเชนและบริการ หากสงสัยว่าอาจถูกโจมตี แคสเปอร์สกี้มีบริการประเมินความเสี่ยงสำหรับองค์กร
innomatter

innomatter

ข่าวไอที นวัตกรรม พลังงาน และความยั่งยืน

Related Articles