จบไปหมาดๆ อีเวนต์ที่นักเทคโนโลยีทั่วโลกตั้งตารอ ที่มีทั้งข่าวลือว่าจะมีนู่น นี่ นั่น เปิดตัวในงานนี้ ก็ต้องบอกว่าสมหวังกันไปตามๆ กัน เพราะ One more thing ปีนี้ก็มาเสียที แต่ก็มาในชื่อที่เจ้ากรมข่าวลือพลาดไปเสียส่วนใหญ่ ปล. แต่หน้าตาที่เดากันนี่ เหมือนยังกับแกะ
Apple WWDC 2023 เป็นอีเวนต์ที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการอัพเดตให้กับนักพัฒนาโซลูชันบนแพลตฟอร์มของ Apple เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่ปีหลังๆ Apple มักจะสอดแทรกการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในแบบที่เรียกแบบรถยนต์ BMW ว่า LCI หรือ Life Cycle Impulse นั่นคือมีการอัพเดตไส้ในด้วย CPU ตัวใหม่ ในผลิตภัณฑ์ที่มีหน้าตาเหมือนเดิม
และในปี 2023 ก็เป็นอีกครั้ง ที่ Tim Cook ผู้รับสืบสานต่อจากเจ้าลัทธิผู้ล่วงลับนาม Steve Jobs ก็ได้อาศัยอีเวนต์นี้ทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในเครือรุ่นใหม่ แต่คราวนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ Apple นั้นเปิดตัวสินค้าใหม่ที่ไม่เคยมีขายมาก่อน ซึ่งจากคาดการณ์ของเจ้ากรมข่าวลือทั้งหลายที่บอกว่าจะมีการเปิดตัวอุปกรณ์เพื่อโลก VR/AR ที่พลาดหวังกันมาหลายรอบ
Apple WWDC 2023 อัพเดตด้วย M2 ตามด้วยตัวเลข 15 นิ้ว
ดูเหมือนไม่ค่อยเป็นที่น่าแปลกใจ ที่ Tim Cook เลือกเอาอีเวนต์ของ WWDC 2023 เริ่มด้วยการเปิดตัวอัพเดตของสินค้าในตระกูล Apple Silicon ก่อนเลย ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่เราได้เห็นการนำเอาแลพตฟอร์มของ M2 ให้กับเครื่อง Mac Studio แต่ที่สุดของมันนั้นก็คือ การมาของ SoC M2 Ultra ชิบประมวลผลที่อยู่บนจุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหารในสารบบ ณ เวลานี้
สำหรับสินค้ากลุ่ม Apple Silicon ใหม่มีการเปิดตัวดังนี้
- Macbook Air 15” แลปทอปที่ทั้งบางและเบาที่สุดในขนาด 15 นิ้ว รายการนี้ถือว่ามาตามคาดหมายของเจ้ากรมข่าวลือ ก็คงต้องรอเข้ามาวางตลาดในบ้านเราแล้วคงได้ดูกันว่าด้วยหน้าจอขนาด 3 นิ้ว ที่มีติ่งเหมือนเดิมกับน้ำหนักประมาณ 1.5 กิโลกรัมนี่ จะได้ใจสาวกไปมากขนาดไหน ราคาเริ่มต้น 1,299 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 49,500 บาท
- Mac Studio เมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ Apple ถือฤกษ์ในการหยิบเอาคำว่า Studio กับมาใช้ในผลิตภัณฑ์ของตัวเองอีกครั้ง และการเปิดตัว Mac Studio คอมพิวเตอร์สำหรับกลุ่ม Creator และนักสร้างสรรค์งานประเภทต่างๆนั้น ถือว่าได้รับการตอบรับที่ดี มาปีนี้สิ่งที่ทุกคนรอพร้อมกันก็คือการมาของ M2 Ultra ชิบ Apple Silicon ตังตึงทั้งประสิทธิภาพและราคา
- Mac Pro หนึ่งในการรอคอยของผลิตภัณฑ์สำหรับมืออาชีพ และถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ตัวสุดท้ายของการปิดฉากยุคของ MacIntel อย่างสมบูรณ์แบบ และแน่นอนการมาของ Mac Pro บนสถาปัตยกรรมใหม่นี้ มันก็ต้องมาพร้อมกับที่สุดนั่นก็คือ ชิบ M2 Ultra ตั้งแต่เริ่มต้น พร้อมกับระบบกราฟฟิคที่มีคุณสมบัติ AfterBurner ให้มาตั้งแต่แกะกล่อง
แม้ว่าจะเป็น Apple WWDC 2023 แต่เราไม่ค่อยสนใจเรื่องซอฟต์แวร์เท่าไหร่
จริงๆ อีเวนต์นี้ถูกตั้งขึ้นเพื่อการอัพเดตทุกเรื่องกับกับบรรดานักพัฒนาบนแพลตฟอร์มของ Apple แต่เอาเข้าจริงมาถึง พ.ศ. นี้คนที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อเรื่องนี้จริงๆ คงไม่ถึง 10% (ปล. แต่ถึงแม้จะเป็นอีเวนต์แบบออนไลน์ งานอีกส่วนที่ทาง Apple จัดในส่วนของ Developer จริงๆ นั้นก็มีคนยอมจ่ายเงินเพื่อที่จะเข้าสัมนาอย่างจริงๆ พร้อมกับเนื้อหาแบบเข้มข้นก็มีจำนวนไม่น้อย และที่สำคัญคือจ่ายเงินแพงมากด้วย)
แต่เท่าที่จับใจความได้ สำหรับงานรอบนี้ Apple เองก็ทำการอัพเดตซอฟต์แวร์และแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนายกชุดเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่แพลตฟอร์มบน iOS ที่มีการทั้งปรับปรุงหน้าตาและประสิทธิภาพการทำงานต่างๆ ของการใช้งานที่มีอยู่บน iPhone เช่น iMessage, ApplePay, Apple Maps (ที่หมดหวังสำหรับแผนที่แบบ 3 มิติสำหรับในกรุงเทพ)
สำหรับส่วนอื่นๆ หากผู้อ่านท่านไหนสนใจอาจจะลองเข้าไปหารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนสำหรับนักพัฒนาของ Apple
And One More Thing ที่คนทั่วโลกแทบหยุดหายใจ
หลังจากที่ดูอัพเดตใหม่ๆ ของ Apple Watch และอุปกรณ์อื่นๆ อย่าง Apple TV ไปสักพัก ก็นึกว่านี่ใกล้จะส่งกลับไปหา Tim Cooks CEO คนเก่งที่จะปิดงานโบกมือบ๊ายบาย แต่ภาพที่ตัดกลับมากลายเป็นเขายืนอยู่หน้าฉากสีดำมีโลโก้งาน แล้วก็พูดว่า เดี๋ยววว เรายังมีอะไรอีกอย่างที่อยากแนะนำให้คุณรู้จักกันมัน เขาเกริ่นว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่มีการเปิดตัวสินค้าใหม่เอี่ยมที่ไม่มีขายมาก่อน
แด่แด๊ เราอยากให้คุณรู้จัก Apple Vision Pro เชื่อว่าช๊อตที่เปิดให้เห็นนี่ เหล่าสาวก แทบกลั้นเสียงกรี๊ดไว้ไม่ไหว เพราะมันคือแว่นคล้ายกันที่ Microsoft หรือ Meta นำเสนอในรูปแบบของ Mixed Reality แต่ในเมื่อความเป็นสาวกถามมาก็ต้องบอกว่าหน้าตาที่ Apple ออกแบบมานี่มันดูดี น่าใช้และใจสั่นเลยจริงๆ
เบื้อต้น Apple Vision Pro นั้นจะเป็นการผสมการใช้งานของ VR/AR และสื่อแบบต่างๆ จากวีดีโอในงานนี้ ทำให้เรานึกถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ของ ทอม ครูซ ที่อยู่ในหนัง Minority Report โดยจะมีก็แต่แว่นตา Apple Vision Pro เท่านั้นนั้นที่คาดอยู่บนใบหน้า ที่เหลือในการบังคับด้วยนิ้วมือจะเป็นหน้าที่ของระบบที่จะจับการเคลื่อนไหว รวมถึงจับการเคลื่อนของดวงตาผู้ใช้ด้วย
สุดท้ายคือความพร้อมในการประกาศวางขาย Apple ประกาศว่า การวางตลาดคาดว่าจะทำได้ต้นปีหน้าในสหรัฐอเมริกา และขยายออกไปสู่ตลาดอื่นๆ ด้วยราคาค่าตัวที่ 3,499 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไหทยประมาณ แสนสามหมื่นห้าพันบาท 135,000 บาท เอาน่าของมันต้องมี
จบ WWDC คราวนี้ เชื่อเลยว่ามีหลายคนเริ่มวางแผนในการหาข้ออ้างให้ของที่มีอยู่ว่าไม่พอต่อการใช้งานเสียแล้ว แต่หากผู้อ่านท่านใดสอยเจ้า Apple Vision Pro มาได้ก่อน ฝากชวน บก. ไปขอยืมเล่นหน่อยนะครับ เพราะแพงเหลือเกินต้องพึ่งใบบุญผู้อ่านเรานี่แหละ
สำหรับผู้อ่านที่ติดตาม ข่าวสาร บทความ เกี่ยวกับ อุปกรณ์ โทรศัพท์มือถือ และ Gadget สามารถคลิกอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่