กับครั้งแรกของ iPhone ที่จะได้ระบบการชาร์จแบบใหม่พร้อมความเร็วที่ไม่เคยมีมาก่อน (แน่ซิ) พร้อมวัสดุใหม่ที่เบาขึ้นและประสิทธิภาพขั้นสุด มาพร้อมกับ Apple Watch Series 9 และ Ultra2 พร้อมฟีเจอร์จีบนิ้วก็สั่งงานได้
ผ่านไปเรียบร้อยสำหรับ Apple Event ภายใต้ธีมชื่อ Wonderlust ที่ก่อนหน้ามีการคาดเดากันหลายอย่างว่าจะมีอุปกรณ์อะไรปรากฏกายออกมาบ้าง และผลที่ออกมาก็คือ Apple ประกาศเปิดตัวผลิตภัณฑ์ 2 รายการเท่านั้น ทีเพียง Apple iPhone15 Series และ Apple Watch Series 9 และ Ultra2 ส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่าง iPad Mini7 หรือตระกูล AirPod ทั้งหลายยังคงต้องรอต่อไป
Apple Event Wonderlust
นอกจากคำจำกัดความที่ Apple ให้ไว้ สิ่งที่เปลี่ยนมากที่สุดสำหรับคราวนี้ก็คือ iPhone ที่ก้าวสู่ยุค Post Lightning Era เสียที ใช่เลยครับพอร์ตเชื่อมต่อและชาร์จไฟหลังจากนี้จะเปลี่ยนมาเป็น USB C เรียบร้อยแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าเป็น Apple มักจะต้องกั๊กให้มันมีความแตกต่างเพราะคุณสมบัติการเชื่อมต่อด้วยความเร็วระดับสูงสุดนั้น ขอสงวนไว้ให้ใน Series Pro เท่านั้น
สำหรับ Line up ของผลิตภัณฑ์ ยังคงเหมือนเดิม 4 รุ่นมาให้เลือกตามการใช้งาน
iPhone 15 และ iPhone 15 Plus มี Dynamic Island แบบเดียวกับที่ใส่ใน iPhone 14 Pro / Pro Max ใช้ขนาดจอ 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ยังเป็นจอแบบ OLED Super Retina XDR ความสว่างสูงสุดที่ 2,000 นิต แต่รีเฟรชเรต 60Hz ไม่ได้ ProMotion แบบรุ่นโปร และยังคงใช้ชิป A16 Bionic แถมยังมาพร้อมกับกล้องหลักใหม่ 48MP ซูมได้ 2X ระดับ Optical Quality และกล้อง Ultra Wide 12MP ยังคงมีอยู่เป็นตัวเดิม
ส่วนพอร์ต USB C ที่มาให้รุ่นธรรมดานี้ จะเป็น USB 2.0 เท่านั้น ถือเสียว่าอย่างน้อยก็หาสายเสียบชาร์จไฟได้ง่ายกว่าเดิม มาพร้อมด้วยกัน 5 คือสี ดำ, ฟ้า, เขียว, เหลือง, ชมพู ในโทนพาสเทล ราคาเริ่มต้นที่ 32,900 และ 37,900 บาท ที่ความจุ 128 GB ทั้ง 2 รุ่น
ส่วนรุ่น Pro อย่าง iPhone 15 Pro และ 15 Pro Max มาพร้อมกับบอดี้ที่ใช้วัสดุไทเทเนียมระดับ Grade 5 ที่แข็งแรงทนทานในระดับอุตสาหกรรมอวกาศ และกระจกผิวด้าน ที่แตกต่างจากรุ่นเก่าคือปุ่ม Action ที่จะมาใช้แทนสวิตช์สไลด์เปิด/ปิดเสียง สามารถปรับแต่งได้ตามชอบ ตัวจอเป็น Super Retina XDR (OLED) ขนาด 6.1 นิ้ว และ 6.7 นิ้ว ที่มีขอบบางลงกว่าเดิม
ในเรื่องของกล้อง iPhone 15 Pro Max มาพร้อมกับระบบซูม Optical แบบใหม่ที่ Apple เรียกว่า ‘Tetraprism’ ได้ระยะ Optical ที่ 5x และที่ 25x สำหรับการซูมแบบ Digital ส่วน iPhone 15 Pro ยังได้ที่ 3x เท่านั้น
ด้วยชิปใหม่ ‘A17 Pro’ ซึ่งเป็นชิปแบบ 3nm มี CPU 6 Core, Neural Engine แบบ 16-core และ GPU 6 Core ที่ Apple เรียกว่านี่เป็น GPU ระดับ Pro Class มีระบบ Ray Tracing Accelerator ที่ประมวลผลกราฟิกแบบ Ray Tracing ได้ดีกว่าแบบ Software ถึง 4% โดยสิ่งที่ทำเอาช็อกกันพอสมควรคือ Apple บอกว่าเกม AAA
สำหรับรุ่น Pro จะได้พอร์ตเชื่อมต่อแบบ USB C ในแบบ USB 3.0 ทำให้ความเร็วที่ได้กลับมาถือว่าเร็วที่สุดแบบไม่เคยมีมาก่อนที่ 10 Gbps. มีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ธรรมชาติ (เงิน), น้ำเงิน, ขาว และดำ โดยที่ iPhone 15 Pro วางจำหน่ายเริ่มต้นด้วยความจุ 128GB ในราคาเริ่มต้น 41,900 บาท และ iPhone 15 Pro Max เริ่มต้นที่ 256GB ในราคาเริ่มต้น 48,900 บาท
Apple Watch Series 9 และ Ultra 2
Apple Watch Series 9 หน้าตาเดิมแต่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพให้ดีขึ้น มาพรัอมกับชิปใหม่ SiP S9 ซึ่งเป็นชิปแบบ Dual Core พร้อม Neural Engine ที่ขนาด 4 Core เร็วขึ้น 2 เท่า เพิ่มของใหม่อย่างฟีเจอร์ Double Tap แค่จีบก็ใช้ทางลัดได้ทันที เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Machine Learning และเซนเซอร์ต่าง ๆ ของตัวเครื่อง
จอความสว่างกว่าเดิมสูงสุดที่ 2,000 นิต สามารถสั่ง Siri ทำงานร่วมกับแอป Health ได้ดีกว่าเดิม สามารถสอบถามข้อมูลสุขภาพผ่าน Siri ได้เลยทันที แถมยังอัปเกรด Ultrawide Band 2.0 ที่จับสัญญาณได้ละเอียดยิ่งขึ้น พร้อมวัสดุที่รักโลกมากยิ่งขึ้นแทน อย่างเช่นสาย FineWoven ที่ออกมาแทนที่การใช้หนังของ Apple เป็นต้น มีให้เลือก 2 ขนาด 41 มม. และ 45 มม. ในราคาเริ่มต้นที่ 15,900 บาท
Apple Watch Ultra 2 ได้อัปเกรดชิปเซตเป็น SiP S9 แรงที่สุดพร้อมหน้าจอที่สว่างกว่าเดิม สูงสุดสู้แดดถึง 3,000 นิต และแน่นอนด้วยชิปใหม่ ทำให้มีหลายฟีเจอร์ที่แชร์กันระหว่าง Watch Series 9 และ Ultra 2 เช่นฟีเจอร์ Double Tap ทั้งหมดมาด้วยราคาเริ่มต้น 31,900 บาท
สรุปจบงานนี้ มือถือหรือสมาร์ทวอชของหลายคนคงสั่นออกอาการทันที สำหรับ iPhone15 Pre Order ได้ในวันที่ 15 กันยายน 2566 เวลา 19.00 น. และวางขายในวันที่ 22 กันยายน 2566 นี้
Update Operator ที่เปิดจองและกำหนดวันขาย
AIS และ True l dtac เปิดรับจองในวันที่ 19 กันยายน 2566 เวลา 19.00 น. และเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 22 กันยายน 2566 8.00 น.