NIA นำทัพ 4 สตาร์ตอัปไทย Climate Tech – Green Tech ร่วมจัดแสดงนวัตกรรม แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น พร้อมทั้งพบปะผู้เชี่ยวชาญและนักลงทุนในงาน Web Summit Qatar 2025 กรุงโดฮา รัฐกาตาร์ เพื่อขยายตลาดธุรกิจนวัตกรรมไทยสู่ตลาดโลก
ดร.กริชผกา บุญเฟื่อง ผู้อำนวยการสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA กล่าวว่า เทรนด์รักษ์โลกเป็นสิ่งที่ทั่วโลกให้ความสนใจ โดยทั้งกลุ่มเอสเอ็มอี สตาร์ตอัป และภาคอุตสาหกรรมต่างเร่งนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาขับเคลื่อนธุรกิจสู่ความยั่งยืน ทำให้สตาร์ตอัปที่พัฒนานวัตกรรมทั้งในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคและนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดเทคโนโลยีเหล่านี้ทั่วโลกมีแนวโน้มเติบโตอย่างก้าวกระโดด
โดยคาดการณ์ว่าระยะเวลา 10 ปีข้างหน้า จะเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 25 ต่อปี สตาร์ตอัปไทยถือว่ามีความสามารถในการพัฒนานวัตกรรมไม่แพ้ต่างประเทศ แต่ยังขาดโอกาสและความพร้อมในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างเป็นระบบ จึงทำให้ยังไม่สามารถเติบโตออกสู่ตลาดต่างประเทศได้อย่างเต็มที่
NIA ในฐานะผู้กำหนดทิศทางนวัตกรรม (Focal Conductor) ของประเทศ จึงเดินหน้าสนับสนุนทั้งเงินทุน โอกาส และองค์ความรู้ เพื่อให้สตาร์ตอัปไทยเติบโตอย่างมีศักยภาพและพร้อมขยายตลาดสู่ระดับโกลบอลมากขึ้น รวมถึงเร่งสร้างให้เกิดสตาร์ตอัปที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนในระดับยูนิคอร์น หรือสตาร์ตอัปที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐฯ ในประเทศไทยมากขึ้น และจำเป็นต้องกระตุ้นให้เกิดการลงทุนผ่านความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคการศึกษา
โครงการ Unicorn Factory Thailand เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่จะช่วยเพิ่มพูนศักยภาพและปลดล็อกโอกาสสตาร์ตอัปไทยให้พร้อมก้าวสู่ตลาดโลก โดยจะจัดให้มีการเวิร์กช็อปสตาร์ตอัประดับ Series A ขึ้นไป ตั้งแต่การเรียนรู้วิธีสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน การขยายเครือข่ายนักลงทุนและพันธมิตร แนวทางการพาธุรกิจบุกตลาดต่างประเทศ และโอกาสเข้าร่วมนำเสนอแผนธุรกิจในเวทีแสดงผลงานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับโลก
ทั้งงนี้ในปีที่ผ่านมา NIA ได้สร้างโอกาสทางธุรกิจและเชื่อมต่อสตาร์ตอัปไทยระยะเติบโต จำนวน 4 ราย และทีมนักศึกษาที่ชนะเลิศจากโครงการ Startup Thailand League 2024 จำนวน 1 ราย ในการเข้าร่วมนำเสนอแผนธุรกิจในงานสัมมนาและนิทรรศการทางด้านเทคโนโลยีและวิสาหกิจเริ่มต้นระดับโลก (TechCrunch Disrupt 2024) และได้เข้าหารือกับหน่วยงานพันธมิตรที่ส่งเสริมวิสาหกิจเริ่มต้น ณ สหรัฐอเมริกา ซึ่งช่วยให้สตาร์ตอัปไทยได้เรียนรู้แนวทางขยายตลาดและโอกาสได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายนักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญ และพันธมิตรทางธุรกิจระดับโลก
4 สตาร์ตอัปไทยในเวที Web Summit Qatar 2025
สำหรับปี 2568 นี้ ยังคงเดินหน้าสร้างโอกาสทางธุรกิจและเชื่อมต่อสตาร์ตอัปไทย ระยะเติบโตออกสู่ตลาดต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยได้คัดเลือกสตาร์ตอัปไทยกลุ่มเทคโนโลยีที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม (Climate Tech – Green Tech) ที่มีศักยภาพพร้อมขยายตลาดสู่ต่างประเทศ จำนวน 4 ราย ได้แก่
1. Altotech.AI ผู้พัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงานอัจฉริยะ
2. ION ENERGY CORPORATION ผู้ให้บริการโซลูชันพลังงานแสงอาทิตย์สำหรับที่อยู่อาศัยชั้นนำของประเทศ พร้อมแพลตฟอร์มจัดการพลังงานและการชำระเงินสำหรับลูกค้า PPA/EPC
3. VEKIN (Thailand) ผู้พัฒนา AI Carbon Editor ช่วยวิเคราะห์และจัดการการปล่อยก๊าซคาร์บอนขององค์กรหรือภาคอุตสาหกรรม
4. MUI Robotics ผู้พัฒนาหุ่นยนต์อัจฉริยะและระบบอัตโนมัติเพื่อมาใช้ในอุตสาหกรรม เช่น การผลิต โลจิสติกส์ การดูแลสุขภาพและการเกษตร ให้เข้าร่วมออกบูธและนำเสนอแผนธุรกิจ พร้อมพบนักลงทุนและขยายตลาดในงานประชุมด้านเทคโนโลยีและสตาร์ตอัปที่ใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง Web Summit Qatar 2025 รัฐกาตาร์ ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมสตาร์ตอัป นักลงทุน บริษัทขนาดใหญ่ หน่วยงานภาครัฐและเอกชน รวมถึงผู้นำเทคโนโลยีจากหลากหลายอุตสาหกรรมมาร่วมแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
พร้อมทั้งสร้างเครือข่ายความร่วมมือในการพัฒนาระบบนิเวศสตาร์ตอัป เชื่อมโยงธุรกิจนวัตกรรม และการลงทุนระหว่างประเทศ โดยมีผู้เข้าร่วมงานรวมกว่า 25,000 คน สตาร์ตอัป 1,520 บริษัท นักลงทุน 723 ราย และพันธมิตรรวม 167 ราย ทั้งนี้ บูธของสตาร์ตอัปไทยได้รับความสนใจจากนักลงทุนและภาคธุรกิจจากหลากหลายประเทศเข้าร่วมพูดคุยธุรกิจและแลกเปลี่ยนข้อมูลเป็นจำนวนมาก
NIA มีเป้าหมายในการสร้างยูนิคอร์นสัญชาติไทยรายใหม่ จำนวน 1-2 ราย ภายใน 3 ปี จากตลาดสตาร์ตอัปในกลุ่มของฟู้ดเทคและกรีนเทค เนื่องจากมีตลาดใหญ่รองรับ โดยเฉพาะตลาดกรีนเทคที่มีโอกาสเป็นไปได้สูง เพราะทั้งองค์กรขนาดใหญ่และธุรกิจเอสเอเอ็มอีต้องการโซลูชั่นที่ช่วยแก้ไขปัญหาและนำเสนอทางออกด้านสิ่งแวดล้อม จากการถูกกำหนดเรื่องภาษีที่เก็บจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจก (Carbon Tax) ทำให้ตลาดนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมมีความต้องการมากเพียงพอที่จะสนับสนุนสตาร์ตอัปกลุ่มนี้ให้จำนวนเพิ่มขึ้น
ปัจจุบันมูลค่าการลงทุนของเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมีแนวโน้มพุ่งสูงขึ้นทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งประเทศไทยมีหลายปัจจัยที่ทำให้สตาร์ตอัปเหล่านี้สามารถขยายตลาดไปสู่ระดับโกลบอลได้ ทั้งเรื่องพื้นที่ ทรัพยากร และสภาพปัญหาที่เหมาะสมจะพัฒนาเป็น sandbox ให้สตาร์ตอัปที่สร้างเทคโนโลยีด้านสิ่งแวดล้อมมาทดลองใช้นวัตกรรมกับภาคอุตสาหกรรมผ่าน Green Transformation มากขึ้น โดยการใช้พลังงานหมุนเวียน การเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และลดการสร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม ตอนนี้มีเม็ดเงินลงทุนที่เป็นทั้งผู้ใช้ และการลงทุนก็มีเพียงพอ น่าจะเป็นโอกาสที่ทําให้เกิดยูนิคอร์น
พัฒนณัฐฏ์ วงศ์วรรณ ประธานเจ้าหน้าที่เพื่อการเติบโตองค์กร (CGO) บริษัท เอ็มยูไอ โรบอติกส์ จำกัด ระบุว่า ปัจจุบันเทคโนโลยีในเครือ MUI Robotics สามารถส่งออกให้กับอุตสาหกรรมไทยเป็นจำนวนมากเนื่องจากมีเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมในกระบวนการผลิตภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ การได้รับการสนับสนุนจาก NIA ยิ่งเสริมสร้างให้ MUI Robotics สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในอุตสาหกรรมต่างประเทศ
โดยเฉพาะการได้รับโอกาสพบนักลงทุนและขยายตลาด ในงาน Web Summit Qatar 2025 ช่วยให้แบรนด์นวัตกรรมไทยเป็นที่รู้จักและยอมรับของนักลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยไม่เพียงตอบโจทย์การรักษาสิ่งแวดล้อมและปรับใช้ในบริบทของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถแก้ปัญหาเชิงอุตสาหกรรมในระดับสากลโลกได้เช่นกัน ดังนั้น หากรัฐบาลมีการผลักดันและสนับสนุนธุรกิจสตาร์ตอัปให้มีจำนวนเพิ่มขึ้น ก็จะทำให้สตาร์ตอัปไทยสาขา Climate Tech และ Green Tech สามารถเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
ดร.เอกสิทธิ์ เพิ่มพูนพิพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี (CTO) บริษัท เวคิน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า การได้รับโอกาสจาก NIA ให้นำเทคโนโลยี GreenTech อย่าง VEKIN ไปออกบูธและนำเสนอแผนธุรกิจเป็นโอกาสดีที่จะเรียนรู้เทรนด์เทคโนโลยีใหม่จากผู้ที่มาร่วมงาน ผ่านการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ซึ่งจะช่วยให้ได้พบพาร์ทเนอร์ที่จะร่วมต่อยอดโอกาสในการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น
เปมกิตติ ปุกทะเล AI Development บริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่อยากเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน ซึ่งความต้องการนี้ทำให้สตาร์ตอัปที่พัฒนานวัตกรรมเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสามารถเข้าไปเติมเต็มได้ด้วยการสร้างพื้นที่ปลอดคาร์บอน หรือเครื่องมือช่วยทำ ESG เป็นต้น ดังนั้น การที่ NIA สนับสนุน AltoTech ที่พัฒนาเทคโนโลยีแก้ปัญหาด้านความยั่งยืนจากการผนวกรวม AI และ IoT ได้ไปแสดงศักยภาพที่งาน Web Summit Qatar 2025 ถือเป็นการเปิดโอกาสให้สตาร์ตอัปไทยได้เปิดประตูสู่เวทีโลก โดยเฉพาะในตลาดอย่างกาตาร์ที่เน้นความยั่งยืนและโครงสร้างอัจฉริยะ
อีกทั้งยังช่วยให้ AltoTech เข้าใจความต้องการของตลาดต่างประเทศผ่านการพูดคุยกับคนภายในงาน เพื่อนำคำแนะนำมาปรับโซลูชั่นให้เข้ากับความหลากหลายและการขยายออกสู่ตลาดโลก อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับผู้ประกอบการไทย ซึ่งส่งผลให้ได้รับโอกาสจากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น