เมื่อโลกหมุนเร็ว ธุรกิจต้องปรับตัวไว และไม่มีอะไรแน่นอน “ความยั่งยืน” จึงไม่ใช่แค่เทรนด์ และ “ESG” ไม่ใช่แค่แนวคิด แต่คือ กลยุทธ์หลัก ที่จะพาธุรกิจทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นขนาดใหญ่ หรือ SME ให้สามารถไปต่อได้อย่างมั่นคงและสร้างคุณค่าในระยะยาว
finbiz by ttb ขอสรุป 8 กรอบแนวคิด ปรับกลยุทธ์ในการทำธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อให้เติบโตอย่างมีคุณค่า
1. เข้าใจ ESG อย่างแท้จริง
ESG คือ กระบวนการหลัก ที่ไม่ใช่กิจกรรมเสริม CSR แต่คือ กระบวนการหลักที่ผสานเรื่องสิ่งแวดล้อม (E) สังคม (S) และธรรมาภิบาล (G) เข้ากับการดำเนินธุรกิจ อีกทั้ง ESG คือ ข้อผูกพันต่อสาธารณะ ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างคุณค่าระยะยาว เหมือนกับแนวคิด LEAN ที่เน้นลดความสูญเสีย เพิ่มประสิทธิภาพ
2. เริ่มจากผู้นำและโครงสร้าง
ESG ต้องขับเคลื่อนจาก Tone at the Top ผู้นำต้องมีวิสัยทัศน์และความมุ่งมั่น ESG ต้องชัดเจนทุกระดับ วางโครงสร้างองค์กรด้านความยั่งยืนให้ชัดเจน ทั้งในระดับนโยบาย การปฏิบัติ และการรายงานผล
3. เลือกประเด็น ESG ที่ “ใช่”
ESG ไม่ได้จะเหมาะกับทุกเรื่องของธุรกิจ เป็นความจริงที่ในทุกประเด็นต้องนึกถึงหลัก ESG แต่ไม่ได้จำเป็นว่าต้องทำทุกเรื่องพร้อม ๆ กัน สิ่งที่สำคัญคือ ความพร้อม และผลกระทบ ขณะเดียวกันต้องเลือกประเด็นที่ได้ผลลัพธ์สูงและไม่มีผลกระทบทางลบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียก่อน และผูก ESG เข้ากับกลยุทธ์หลัก เช่น ธุรกิจอาหารอาจเน้นบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อโลก และข้อมูลโภชนาการที่โปร่งใส เน้นส่วนสำคัญที่ทำได้ก่อน
4. ตั้งเป้าเล็ก ๆ ที่วัดผลได้
เริ่มจากสิ่งที่ทำได้ดี วัดผลได้ง่าย และเห็นผลเร็ว ตั้งเป้าหมายที่วัดผลได้ เช่น ลดก๊าซเรือนกระจก
กี่เปอร์เซ็นต์ภายในกี่ปี และทบทวนเป้าหมายอย่างสม่ำเสมอ
5. ใช้เครื่องมือและข้อมูล
ESG ที่ต้องมีข้อมูลรองรับ เช่น ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ธุรกิจต้องมีเครื่องมือที่พร้อมในการเก็บข้อมูลเหล่านี้ ใช้เทคโนโลยีเข้าช่วย เช่น Telematics เพื่อลดมลพิษ และ R&D เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และอิงมาตรฐาน เช่น SET Sustainability Reporting Guidelines เพื่อสร้างระบบรายงานแบบมืออาชีพ และอ้างอิงได้ เพื่อสร้างมาตรฐานให้กับธุรกิจ
6. วิเคราะห์ผลตอบแทน และ ความเสี่ยง
วิเคราะห์โอกาสและความเสี่ยงเป็นตัวเลข เช่น ลงทุนเปลี่ยนเครื่องจักรใหม่ = ลดค่าไฟ + ประหยัดภาษี โดยมอง ESG เป็นการลงทุนเพื่อโอกาสสำคัญ หากมองเป็นต้นทุน อาจจะทำให้เสียโอกาสได้ เพราะ ESG เป็นกุญแจเปิดประตูสู่ธุรกิจใหม่และความได้เปรียบ ที่จะมาเป็นมาตรฐานใหม่ของธุรกิจ
ESG = เครื่องมือบริหารความเสี่ยง + สร้างโอกาสใหม่ ESG ไม่ใช่แค่เรื่องของความรับผิดชอบ แต่คือ กลยุทธ์ธุรกิจ ที่ช่วยบริหารความเสี่ยงระยะสั้น และระยะยาว และเปิดโอกาสให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืนในโลกที่ไม่แน่นอน เริ่มต้นวันนี้ ไม่ต้องรอให้พร้อม 100% ขอแค่มี “ข้อมูล” “เป้าหมาย” และ “เจตจำนงที่ชัดเจน”
7. สร้างความร่วมมือ
ขยายแนวคิด ESG ไปยังคู่ค้าทั้งซัพพลายเชน เช่น ตรวจสอบแหล่งวัตถุดิบ หรือกำหนดข้อบังคับร่วม สร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ที่มีคุณค่าธุรกิจสอดคล้องกัน รวมถึงภาครัฐฯ
ผูกธุรกิจเข้ากับชุมชน ธุรกิจต้องเป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ เข้าถึงพื้นที่และผู้นำชุมชนด้วยความจริงใจ
ปลูกฝังจิตสาธารณะในพนักงาน ให้ทุกคนรู้สึกว่า ESG คือความรับผิดชอบร่วม ใช้จุดแข็งขององค์กรปรับปรุงและถ่ายทอด ปรับปรุงกระบวนการภายในให้มีประสิทธิภาพ และถ่ายทอดความรู้ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้องค์ความรู้อยู่อย่างยั่งยืน
8. สร้างระบบธรรมาภิบาลที่แข็งแรง
กำกับดูแลกิจการให้โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีจริยธรรม หากขาดความโปร่งใส หรือมุมของ G – Governance ที่แข็งแรง แม้มี E และ S ดี ก็อาจพังจากภายในอย่างปัญหาคอร์รัปชันจากช่องโหว่ที่สามารถเกิดขึ้นได้
ยั่งยืนด้วยพันธมิตรที่เข้าใจความต้องการของธุรกิจ
เพื่อให้ธุรกิจดำเนินตามหลักแนวคิด ESG ได้อย่างราบรื่น ต้องอาศัยพันธมิตรที่พร้อมจะก้าวไปด้วยกัน และเข้าใจความต้องการของธุรกิจ ทีทีบีพร้อมสนับสนุน SME ที่ตั้งใจปรับตัว ด้วยการให้บริการสินเชื่อเพื่อธุรกิจสีเขียว ทีทีบี เอสเอ็มอี (ttb sme green loan) ที่เข้าใจผู้ประกอบการธุรกิจ และครอบคลุมการลงทุนโครงการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมถึง 7 หมวดหมู่ ตั้งแต่พลังงานหมุนเวียน การใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การจัดการน้ำ และน้ำเสียอย่างยั่งยืน การป้องกันมลพิษและการจัดการของเสีย การขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด อาคารสีเขียว การจัดการแหล่งทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน มาพร้อมกับสิทธิพิเศษที่ตรงใจ เข้าถึงได้ ให้ได้มากกว่า พร้อมตอบโจทย์ธุรกิจยุคใหม่ที่รักษ์โลก และสิ่งแวดล้อม เพื่อต่อยอดให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน