การกลับมาของ Notebook Ultralight คุณภาพการใช้งานในระดับองค์กร ยากที่จะปฏิเสธการเป็นเจ้าของ

Dell Latitude 7440 Ultralight การกลับมาของ Notebook Ultralight คุณภาพระดับการใช้งานในองค์กรที่ปฏิเสธการเป็นเจ้าของได้ยาก
Share

 

ทุกวันนี้กลุ่มคอมพิวเตอร์พกพาที่เบาเป็นพิเศษจะกลายเป็นตลาดเฉพาะกลุ่มไปเสียแล้ว และแม้ว่าจะมีบางแบรนด์ที่ทำได้เบากว่า แต่ก็ดูเหมือนว่านายแบบของเราในวันนี้ก็ไม่ได้เป็นสองรองใคร

 

Dell Latitude 7440 Ultralight เป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์พกพาแบบเบาพิเศษ ที่ปัจจุบันเราไม่ค่อยได้เห็นมากนัก แม้ว่าแบรนด์ของ Latitude เองจะเป็นสินค้าสำหรับการใช้งานในองค์กร

 

Dell Latitude คือสินค้าในกลุ่มที่ออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรและสำนักงานอีกตัวหนึ่งของ Dell หรือแม้กระทั่งการใช้งานที่สมบุกสมบัน ทำให้การออกแบบของ Latitude นั้นจะเห็นได้ว่ามีการใช้วัสดุที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษทั้ง พลาสติก หรือโลหะที่ทนทานต่อการใช้งาน บางรุ่นนั้นถึงกับผ่านมาตรฐานความทนทานระดับกองทัพหรือที่เรียกว่า Military Standard ทำให้ชื่อเสียงนั้นอยู่ในกลุ่มผู้ใช้งานทำงานหนัก เดินทางบ่อย ทนทานต่อสภาพต่างๆ

นอกจากกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการความทนทาน และเสียหายระหว่างใช้งานไม่ได้แล้ว อีกรูปแบบของการใช้งาน Dell Latitude ก็คือกลุ่มผู้บริหารที่ต้องการคอมพิวเตอร์ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากเกินกว่าที่จะสามารถพกพาไปพร้อมกับการเดินทาง และแน่นอน จนถึงปัจจุบันการพัฒนาในเรื่องของขนาดนั้นก็เล็ก และบางเบา พร้อมด้วยหน้าจอขนาดที่เหมาะสมกับการใช้งาน

และนี่คือรีวิว ที่แสนประทับใจจากการสัมผัส Dell Latitude 7440 Ultralight ของดีที่นานๆ จะออกมาให้ได้เลือกใช้งานกัน

 

Dell Latitude 7440 Ultralight นานๆ มาที แต่ยังดีไม่เสื่อมคลาย

ถ้าหากคุณนั้นคือผู้ใช้ Notebook ในแบบที่ต้องพกพาหรือนำออกไปทำงานติดตัวตลอดเวลา Pain point ที่ทุกคนต้องเจอก็คือเรื่องของน้ำหนัก นับตั้งแต่ Intel ได้ประกาศเรื่องของ Platform ของโน๊ตบุ๊คในแบบที่เรียกว่า Ultrabook นั้น ขนาดของคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คนั้นก็มีขนาดเล็กลงมาเรื่อยๆ แต่แบบที่จะบางและเบาจริงๆ เราคงต้องให้คำนิยามของมันจริงๆเลยว่า ต้องหนักต่ำกว่า 1 กิโลกรัม

ถ้าสำรวจไปในตลาด ณ ปัจจุบัน แม้ว่าจะอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า Ultrabook ก็ตาม ทั้งในกลุ่มของสินค้าสำหรับผู้บริโภคทั่วไป หรือระดับการนำไปใช้งานในองค์กรเอง ก็เหลือรุ่นของโน๊ตบุ๊คที่จะสามารถเรียกว่าเบาตามระดับที่นิยามที่บอกเอาไว้ได้ ส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 1.2 กิโลกรัมโดยเฉลี่ย เพราะหากรวมกับอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องพกพาไปพร้อมๆ กัน นั่นหมายถึงน้ำหนักที่ต้องพาไปด้วยในระดับที่ไหล่ทรุด

Dell Latitude 7440 Ultralight เป็นสินค้าใหม่ในกลุ่มระดับการใช้งานในองค์กร ที่เน้นเรื่องของความบางเบา ที่มาพร้อมกับหน้าจอขนาดใหญ่ ประสิทธิภาพการทำงานที่รวดเร็ว พร้อมความแข็งแกร่ง ทนทานที่ผ่านการทดสอบมาตรฐานความทนทานระดับกองทัพ เรียกว่าอัดแน่นมาครบในขนาดบางเบาในแพคเกจพิกัด 1 กิโลกรัมนิดๆ

รูปลักษณ์ภายนอกมาด้วยสีเทาดำ เทียบกับสีของอีกแบรนด์ดังน่าจะเรียกว่า Space Grey แต่จะออกในทางที่ดำดุกว่ากัน สัมผัสแรกต้องชมเลยว่าคือ อลูมิเนียม ที่ให้สัมผัสแบบที่รับรู้ได้ถึงความแน่น ทนทานและบึกบึน (ต้องสัมผัสด้วยมือตัวเองถึงจะเข้าใจความรู้สึกนี้) ก่อนหน้านี้ Dell นั้นเลือกวัสดุอย่าง Carbon Fibre มาใช้ทำฝาด้านหลังของโน๊ตบุ๊คในตระกูลบางเบา แต่ก็ไม่ได้พบว่าจะเบาได้ถึงขนาดรุ่น 7440 นี้

 

และนี่คือ Ultralight ที่มาพร้อม Display ขนาด 14 นิ้ว

แต่เดิมนั้น โน๊ตบุ๊คในระดับที่เรียกว่า Ultrabook นั้นส่วนใหญ่จะมีขนาดหน้าจออยู่ที่ 13-14 นิ้ว แต่จะเห็นว่าขนาดของตัวเครื่องนั้นจะไม่ได้เล็กมาก ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาขนาดของสินค้ากลุ่มนี้เริ่มใช้คำว่า Ultra ได้เต็มปากเต็มคำ ส่วนใหญ่นั้นจะเปลี่ยนวัสดุที่ใช้เป็นโครงและส่วนประกอบทั้งที่เป็นโลหะผสมอัลลอยแบบใหม่ๆ เริ่มตั้งแต่ Magnesium Aluminum Alloy จนปัจจุบันมีการนำเอาโลหะที่เบากว่ามาใช้อย่าง Lithium แต่ที่นิยมมากก็คือ Carbon Fiber

สำหรับ  Laptop รุ่นที่เราหยิบมาลองใช้ ตัวเครื่องโครงสร้างทำจากอลูมินัมอัลลอยรวมถึงฝาด้านหลังจอ และด้านใต้เครื่อง และแน่นอนแบรนด์ของคอมพิวเตอร์พกพาในระดับองค์กรส่วนใหญ่จะผ่านการทดสอบการตกกระแทกในระดับมาตรฐานกองทัพอยู่แล้ว แต่ก็เชื่อเถอะว่าไม่มีใครในชีวิตจริงจะเอาเครื่องในราคาระดับ 6-7 หมื่นบาทมาใช้งานแบบทุกข์ทรมานขนาดนั้น

กลับมาที่เรื่องจอภาพขนาด 14 นิ้วของเครื่องรุ่นนี้ ในความเป็นจริงคุณมีตัวเลือกที่สามารถ Custom หรือเลือกได้สูงสุดถึงระดับ QHD+ หรือระดับประมาณ 2K แถมเลือกได้อีกว่าจะเป็นจอแบบสัมผัสก็ได้ (รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถติดต่อสอบถามทาง Dell ประเทศไทย ในเรื่องของ Config ต่างๆ ที่สามารถเลือกปรับเปลี่ยนได้สำหรับตลาดในประเทศไทย)

สำหรับเครื่องที่ได้รับมาทดสอบนั้น แม้ว่าจะเป็นจอความละเอียดแบบปกติ แต่ด้วยคุณภาพในระดับองค์กรทำให้ภาพที่เห็นในการนำมาใช้งานนั้นสามารถใช้งานกับแอปพลิเคชันการทำงานในองค์กรได้อย่างสบายตา ในระดับความสว่างที่สามารถสู้กับแสงได้ทุกสถานการณ์ที่แม้ว่าอาจจะสู้กับแสงแดดกลางแจ้งแบบรุนแรงมากไม่ได้ แต่ถ้านำไปใช้ในร้านกาแฟหรือ Co Working Space ต่างๆ รับรองว่าสบายมากๆ

 

พลังการทำงานที่เต็มเปี่ยม

สำหรับตัวเครื่องที่ได้รับมานั้น มาพร้อมกับโปรเซสเซอร์ประมวลผลของ Intel Corei7 Gen13 vPro พร้อมกับ RAM 16GB นั่นหมายความว่า จะมีเพียงแอปพลิเคชันอยู่ไม่กี่ประเภทที่ตัวนี้จะรับมือไม่ไหว แต่ก็อย่างว่าคงไม่มีใครที่หยิบเอาอุปกรณ์ในจำพวก Ultralight แบบนี้ไปใช้ในการคำนวณงานในระดับ Workstation แน่ๆ เหมือนขี่มดไปจับช้าง

แน่นอนงานส่วนใหญ่ของกลุ่มเป้าหมายของสินค้ากลุ่มนี้มักจะเป็นผู้บริหารที่ต้องการ Laptop ที่น้ำหนักไม่มาก ด้วยน้ำหนักตัวเพียง 1 กิโลกรัม เมื่อรวมกับอุปกรณ์รอบตัวพร้อมใช้เข้าไปอย่างชุดชาร์จไฟต่างๆ เข้าไปแล้ว สิริรวมน้ำหนักที่จะต้องแบกรับในการพกพาออกไปทำงานด้วยจะไม่เกิน 1.5 กิโลกรัมแน่นอน ซึ่งตัวเลขนี้คือสวรรค์สำหรับคนทำงานที่ต้องพกพาคอมพิวเตอร์ออกไปทำงานนนอกบ้านทุกๆ ที่ใฝ่ฝันหา

ภายใต้ Configuration ที่ Dell เปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถเลือกได้อย่างหลากหลาย เช่น โปรเซสเซอร์ Intel Gen13 ที่มีให้เลือกทั้ง i5 และ i7 และสำหรับองค์กรที่มีระบบจัดการและความปลอดภัยระดับสูงก็สามารถเลือกใช้แบบที่มีเทคโนโลยี vPro ซึ่งตัวเลือกแบบนี้จะไม่สามารถหาซื้อได้ในสินค้าระดับผู้ใช้ทั่วไป (แน่นอน เพราะฟังก์ชัน vPro จะมีประโยชน์กับระบบที่มีระบบรองรับเท่านั้น)

ความสามารถในการเลือกปรับแต่งจากโรงงานนี้รวมถึงหน่วยความจำอย่าง RAM และ SSD โดยเลือกติดตั้ง RAM ได้สูงสุด 64 GB แบบ LPDDR5x ส่วน SSD เลือกได้ถึง 2TB หรือเลือกในแบบที่มีการเข้ารหัสข้อมูลได้

สำหรับระบบปฏิบัติการแน่นอนที่สุด กับการใช้งานในระดับองค์กรและเพื่อประสิทธิภาพของเทคโนโลยี vPro เครื่องรุ่นนี้ก็มาพร้อมกับ Windows11 Pro

 

สรุป นี่คือ Ultrabook ที่ไม่ควรมองผ่าน

หากจะให้คำจำกัดความในตัว Laptop รุ่นนี้ ต้องบอกว่านี่คือ เอกอุ ที่น่าจับตามอง แต่บนพื้นฐานที่ว่า งบประมาณของคุณนั้นค่อนข้างอยู่ในระดับบนๆ คือสามารถรับกับค่าตัวในระดับ 6 หมื่นบาทได้ (ปล. ณ ตอนที่ทำการทดสอบเราไม่ได้รับการแจ้งข้อมูลเรื่องราคา) แต่หากมองเจาะลึกลงไปในราคาที่ต้องจ่าย ก็แลกมาด้วยส่วนประกอบระดับ Top Class

เริ่มตั้งแต่สัมผัสแรกที่ออกจากกล่องก็ต้องบอกว่าถ้าเคยได้จับเครื่องในระดับองค์กรมาก่อนหน้า จะเข้าใจว่าคุณภาพและสัมผัสของสินค้ากลุ่มนี้จะมีความแตกต่างกับสินค้ากลุ่มผู้ใช้ทั่วไป และกลุ่มองค์กรที่ออกแบบมาให้สำหรับการใช้งานในระดับปฏิบัติการ

และอีกเรื่องที่ดูเป็นเหมือนข้อได้เปรียบก็คือ น้ำหนัก แม้ว่าจะเบากว่าสินค้าในกลุ่มเป้าหมายเดียวกันเพียงประมาณ 200 กรัม ตัวเลขนี้ดูเหมือนเล็กน้อยแต่การใช้งานจริงเรียกว่าแตกต่างในลักษณะของการพกพาไปใช้งานจริง

 

ถ้าโจทย์ของคุณคือ คอมพิวเตอร์พกพาที่หยิบจับไปใช้งานได้คล่องตัว เบาสบาย ลดภาระการหอบหิ้ว บวกกับระบบที่ปลอดภัยพร้อมกับการใช้งานกับระบบภายในองค์กร ตอบสนองทุกการใช้งานของผู้บริหาร ซึ่งอุปกรณ์การทำงานไม่ได้สะท้อนเฉพาะประสิทธิภาพในการทำงาน แต่ยังต้องแสดงถึงภาพลักษณ์ความเป็นมืออาชีพไปพร้อมกัน นี่คืออีกตัวเลือกที่น่าจับตามอง

 

ผู้อ่านที่ชื่นชอบการ รีวิว ลองใช้ สินค้ารุ่นใหม่ หรือรุ่นปัจจุบันที่น่าสนใจ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

Related Articles