วันมะเร็งโลก..ชุมชนเข้มแข็ง เติมเต็มหัวใจให้ผู้ป่วย

Share

 

วันมะเร็งโลก..ชุมชนเข้มแข็ง เติมเต็มหัวใจให้ผู้ป่วย

 

วันมะเร็งโลก ถือเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้น ในการตระหนักถึงปัญหา และชักชวนให้ชุมชนหันมารณรงค์อย่างจริงจัง การประสานเสียงพร้อมเพรียงทั่วโลก ช่วยต่อกรกับโรคร้ายที่คร่าชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักของใครต่อใครมากมายในแต่ละปีได้ ทำให้เกิดแคมเปญเพื่อรณรงค์มากมายในหลายประเทศ และยังเป็นการส่งความห่วงใย มอบกำลังใจ ร่วมแสดงพลังสนับสนุนผู้ป่วยโรคมะเร็งให้ข้ามผ่านเรื่องนี้ไปได้โดยไม่ถอดใจ

หลายคนอาจจะเคยอ่านเรื่องราวอันน่าประทับใจของดาราดีกรีฮอลลีวูด อย่าง คีอานู รีฟส์ ที่เคยบริจาค 70% ของรายได้จากค่าตัวในการแสดงหนังเรื่อง Matrix มอบให้กับโครงการรณรงค์เพื่อผู้ป่วยจากลูคีเมียมาแล้ว จากที่น้องสาวสุดที่รักต้องทนทุกข์กับโรคดังกล่าวมาเป็นเวลานานถึง 8 ปี และยังมีอีกหลายกรณีมากมาย

จุดเริ่มต้นของวันมะเร็งโลก หรือ World Cancer Day เริ่มขึ้นในปี 2000 กลางที่ประชุม World Cancer Summit Against Cancer for the New Millennium ในกรุงปารีส โดยให้ถือเอาวันที่ 4 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นตัวแทนเจตนารมย์ดังกล่าวในการร่วมต่อสู้ไปกับผู้ป่วยโรคมะเร็งอย่างไม่ย่อท้อมายาวนานถึง 22 ปี ทั้งการนำเสนองานวิจัยเพื่อป้องกัน รักษา และลดการเสียชีวิต

แคมเปญรณรงค์ส่วนใหญ่จะออกมาเป็นธีม ซึ่งตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ได้มีการทำแคมเปญรณรงค์ครอบคลุมระยะเวลา 3 ปี เช่นธีมของแคมเปญระหว่างปี 2019 ถึง 2021 คือ ‘I Am and I Will’ ก็ออกมาเพื่อต่อต้านทัศนคติความเชื่อในแง่ลบว่าโรคมะเร็งเป็นแล้วรักษาไม่หาย พร้อมส่งเสริมเรื่องการดูแลตัวเองจะช่วยให้หายได้

สำหรับปีนี้ นับเป็นปีที่เริ่มแคมเปญใหม่ สำหรับปี 2022-2024 จุดมุ่งหมายเพื่อสร้างพลังแห่งการเรียนรู้ จุดประกายและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนลุกขึ้นมาเปลี่ยนโลกและเปลี่ยนโรค ภายใต้ธีม ‘Close the care gap’ ที่ UICC หรือสมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งสากล ต้องการรณรงค์เพื่อสร้างความทัดเทียมในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งทั่วโลก

‘Close the care gap’ เป็นแคมเปญที่ต้องการให้ผู้คนได้ตระหนักรู้ รับฟังปัญหา และเพื่อกระตุ้นให้ผู้คนในแต่ละชุมชนได้มีส่วนร่วมในแคมเปญ เพื่อกรุยทางไปสู่ความร่วมมือในวงกว้างขึ้น เพื่อส่งเสริมมาตรฐานการดูแลผู้ป่วยมะเร็งได้อย่างทัดเทียม และลดช่องว่างในการดูแลรักษาผู้ป่วยทั่วโลก ซึ่งแคมเปญนี้ ได้มีการกำหนดกรอบการดำเนินการคร่าวๆ ไว้ในแต่ละปี เช่นกัน

ปี 2022 ซึ่งเป็นปีแรกของแคมเปญ ‘Close the care gap’ จะเน้นการเรียนรู้ เพื่อเปิดใจและทำความเข้าใจเกี่ยวกับปัญหาความไม่ทัดเทียมในการดูแลรักษาโรคมะเร็งในทั่วโลก ที่มีต้นเหตุมาจากความแตกต่าง ทั้งเรื่องรายได้ การศึกษา สถานที่ รวมถึงการเลือกปฏิบัติ จากความแตกต่างทางเชื้อชาติ เพศ รสนิยมทางเพศ อายุ ความทุพพลภาพ การใช้ชีวิต ที่อาจก่อให้เกิดความไม่ทัดเทียมในการดูแล

ปี 2023 เป็นปีแห่งการรับฟังเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลง ด้วยแนวคิด รวมกันเราอยู่ สร้างพลังจากการร่วมมือในชุมชนในรูปแบบต่างๆ เพื่อเปลี่ยนแปลง อย่างการรณรงค์ภายในชุมชน อาสาพาผู้ป่วยเดินทางไปรักษา รวมถึงทางเลือกในเรื่องของอาหารสุขภาพ ที่ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมได้ทั้งคนในครอบครัวเองก็ตาม หรือเพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงานเองก็ดี

ปี 2024 จะเป็นการร่วมกันฟันฝ่าอุปสรรคด้วยพลังรวมใจ ด้วยการสร้างการตระหนักรู้ในระดับที่สูงขึ้นไปอีก อย่างการส่งเสียงไปให้ถึงผู้นำชุมชน เพื่อเรียกร้องการสนับสนุนด้านต่างๆ อีกทั้งสร้างการเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจัง จนนำไปสู่โลกที่ปลอดมะเร็ง เพราะเราทุกคนไม่ว่าใครก็ตาม ก็สามารถเข้าถึงบริการในการดูแลรักษาได้อย่างทัดเทียม

การรวมตัวกันของชุมชนต่างๆ ทั่วโลก ด้วยวันอันเป็นสัญลักษณ์ นี้ อย่างน้อยก็ช่วยสะท้อนความห่วงใย ใส่ใจในเพื่อนมนุษย์ และแสดงให้เห็นถึงความเข้มแข็งของชุมชนในแต่ละท้องถิ่น ที่พร้อมร่วมต่อสู้ไปกับผู้ป่วยโรคมะเร็ง เพื่อให้ได้รับการดูแลรักษาได้อย่างทัดเทียม ในโลกที่โหยหา..ความทัดเทียม..ว่ายังมีอยู่จริงหรือไม่

 

ข้อมูล: Wikipedia

ภาพ: World Cancer Day

 

Related Articles