การโอบกอดที่แนบแน่นและลึกซื้ง ระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะ

Share

 

ในบทความก่อนหน้านี้ เราได้พูดถึงเรื่องที่เทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วยกอบกู้งานศิลปะอย่างไร? มาคราวนี้เรามามองในแง่มุมของการใช้ประโยชน์ของแพลตฟอร์มเทคโนโลยี เพื่อช่วยให้ศิลปินได้โปรโมทผลงานตัวเองแพร่หลาย เข้าถึงผู้รักงานศิลปะและขายงานศิลปะได้ง่ายขึ้น

 

วันนี้ เราจะมาดูกันว่าด้วยตัวของเทคโนโลยีเองนั้น สามารถรังสรรค์ผลงานศิลปะออกมาในรูปแบบใดกันบ้าง ซึ่งต้องยอมรับว่าบางผลงานนั้นสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างน่าทึ่ง เพราะเป็นการผสมผสานศาสตร์หลายแขนงเข้าด้วยกันจนออกมาเป็นศิลปะได้อย่างงดงาม แปลกใหม่ อีกทั้งให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อผู้คนได้แบบเรียลไทม์

จิตรกรหุ่นยนต์ผู้สร้างงานศิลปะ

ตัวอย่างของการใช้หุ่นยนต์ในอุตสาหกรรมด้านศิลปะ จะแตกต่างออกไปในแง่ของความซับซ้อนที่เพิ่มเข้ามา โดยใข้มินิโรบ็อตเขียนเส้นที่มีสีสัน ตามที่ให้แนวทางไว้อย่างชัดเจน ไปจนถึงการใช้ศิลปินที่เป็นหุ่นยนต์เลียนแบบการสร้างชิ้นงานของมนุษย์

โดยมีศิลปินสองรายคือ Julian Adenauer และ Michael Haas ได้สร้างหุ่นยนต์ให้เคลื่อนไหวไปบนผ้าใบเพื่อสร้างเส้นสายที่เป็นสีสันต่างๆ โดยติดตั้งผลงานไว้ที่ผนังของ Berlin Gallery และผลงานจะเปลี่ยนโฉมไปทุกวันเพราะหุ่นยนต์ยังคงเคลื่อนไหวเปลี่ยนทิศทางทุกวัน เพิ่มสีสันใหม่ๆ ตามแนวคิดอันบรรเจิดของ Haas ที่ว่า “กระบวนการในการสร้างสรรค์นั้นไม่มีที่สิ้นสุด”

Credit : Sensing Colorspace – Sonice Development (expocollective Mécatronique @Saint-Ex), Saint-Ex – Culture numérique Reims

อีกตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยีหุ่นยนต์ที่ซับซ้อนขึ้นไปอีกในการสร้างงานศิลปะ นั่นคือ จิตรกรที่เป็นหุ่นยนต์ชื่อว่า Ai-Da ซึ่งมีลักษณะคล้ายมนุษย์และมีระบบแขนหุ่นยนต์ หุ่นยนต์ตัวนี้ใช้ AI ในการวิเคราะห์ภาพที่อยู่ข้างหน้า และสั่งการให้แขนเคลื่อนไหวเพื่อสเก็ตช์ภาพ โดย AiDa ได้เข้าร่วมงานแสดงครั้งแรกของโลกที่เป็นงานเฉพาะสำหรับศิลปินหรือจิตรกรที่เป็น AI

Credit : Ai-Da – Drawing, Ai-Da Robot YouTube Chanel

นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายชิ้นงานที่ตัวศิลปินเองได้นำหุ่นยนต์มาเป็นผู้ช่วยในการสร้างผลงานแทนที่จะให้หุ่นยนต์ทำงานเองโดยอัตโนมัติ ครั้งนี้ศิลปินที่ชื่อว่า Sougwen Chung ได้ออกแบบและพัฒนาแขนกลเพื่อช่วยวาดรูป โดยเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลที่เป็นคลื่นสมองของ Chung เพื่อใช้เป็นแนวทางให้กับหุ่นยนต์ Chung เชื่อว่านี่คือความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเครื่องจักรกลอย่างแท้จริง และยังสร้างแรงบันดาลใจในการร่วมสร้างสรรค์ผลงานด้วยกัน โดยในช่วงที่เกิดโควิด Chung ได้สาธิตการทำงานร่วมกับหุ่นยนต์ผ่านไลฟ์สด ให้กับผู้เข้ามาชมผลงาน และขายผลงานที่เป็นภาพวาดได้มากกว่า 131,000 เหรียญต่อชิ้นงาน

Sougwen Chung ได้ออกแบบและพัฒนาแขนกลเพื่อช่วยวาดรูป โดยเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลที่เป็นคลื่นสมอง
Sougwen Chung ได้ออกแบบและพัฒนาแขนกลเพื่อช่วยวาดรูป โดยเชื่อมโยงเข้ากับข้อมูลที่เป็นคลื่นสมอง

เทคโนโลยี AR และ VR ช่วยงานศิลปินได้อย่างไร?

แวดวงสายเกมและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ เป็นวงการแรกๆ ที่ได้ประโยชน์จากโลกเสมือนจริง และขยายต่อยอดไปจนถึงพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรีและศิลปิน ที่หันมาสนใจเทคโนโลยี VR และเริ่มมองหาบริษัทที่จะช่วยพัฒนา AR

Credit : 3D real-time face tracking projection mapping by Nobumichi Asai, Molten Immersive Art YouTube Chanel

ก่อนหน้านี้ เราพูดกันถึงการนำเทคโนโลยี AR มาช่วย เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของผู้ชมในงานศิลปะ ครั้งนี้ เราจะพูดถึงการนำ AR มาใช้สร้างงานศิลปะ โดยผลงานศิลปะชิ้นแรกๆ ที่ใช้ AR คืองานของศิลปินชาวญี่ปุ่น ที่ชื่อว่า Nubumichi Asai ที่รวมทีมผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและเมกอัพอาร์ติส มาช่วยสร้างแอปพลิเคชันที่แสดงรูปแบบของการเคลื่อนไหวใบหน้า โดยซอฟต์แวร์ที่ว่านี้สามารถตรวจจับภาพใบหน้าของมนุษย์และฉายภาพบนโครงรูปหน้าได้อย่างแม่นยำ

เซนเซอร์ กับ IoT ในงานศิลปะ ศาสตร์และศิลป์ที่สอดประสานกันแบบเรียลไทม์

ทั้งเทคโนโลยีเซนเซอร์ และ IoT ช่วยให้ศิลปินรวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งและนำมาใช้ในงานตัวเอง โดยมีตัวอย่างให้เห็นกันชัดๆ ในงานศิลปะของสนามบินซานโฮเซ่ ที่รองรับผลงานชื่อว่า eCLOUD ซึ่งเป็นงานศิลปะที่เลียนแบบก้อนเมฆ ด้วยการใช้กระเบื้องที่ทำจากโพลีคาร์บอเนต ที่จะเปลี่ยนจากสภาพจากวัตถุโปร่งใสเป็นวัตถุทึบแสงจากการอ่านค่าตามข้อมูลสภาพอากาศแบบเรียลไทม์

Credit : eCLOUD at the San Jose Airport, dangoods YouTube Chanel

นอกจากนี้ยังมีศิลปินชาวรัสเซีย ชื่อ Dmitry Morozov ที่แสดงให้เห็นตัวอย่างการนำเทคโนโลยีเซนเซอร์มาใช้กับงานศิลปะได้อย่างน่าสนใจ Morozov นั้นสร้างเครื่องมือที่เชื่อมต่อกับบลูทูธที่สามารถจับข้อมูลด้านมลพิษและแปลงออกมาเป็นภาพสเก็ตช์ โดยอุปกรณ์นี้ใช้ระบบเซนเซอร์ที่จะทำการวัดปริมาณฝุ่นและตัวแปรที่แตกต่างกัน เช่นคาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนโมโนไซด์ และมีเทน พร้อมทั้งแปลค่าของข้อมูลเหล่านี้ออกมาเป็นโวลท์ โดยแสดงผลผ่านอัลกอริทึมออกมาเป็นรูปทรงและสีสันที่แตกต่างกันไปบนผืนผ้าใบ

Dmitry Morozov นำเอาเทคโนโลยีเซนเซอร์มาใช้กับงานศิลปะได้อย่างน่าสนใจ
งานของ Dmitry Morozov ที่นำเอาเทคโนโลยีเซนเซอร์มาใช้กับงานศิลปะ

โดย Morozov นึกย้อนกลับไปถึงช่วงเวลาที่ได้รับแรงบันดาลใจในการสร้างเครื่องมือดังกล่าวว่า ตัวเขาเองเกิดความสงสัยว่าจะเอาเซนเซอร์และปรินเตอร์ตัวเล็ก มาเล่นกับมลพิษทางอากาศในกรุงมอสโคว์ได้อย่างไร และจากผลงานศิลปะชิ้นนี้ ก็ทำให้ผู้คนสามารถมองเห็นว่าบริเวณไหนในเมืองมีมลพิษมากกว่าที่อื่น ซึ่งสิ่งที่ดูย้อนแย้งก็คือบริเวณที่มีมลพิษทางอากาศมากกว่า จะแสดงเป็นภาพที่สีสันสดใสกว่าบริเวณอื่น

เหล่านี้ คือเทคโนโลยีที่เข้ามาเปลี่ยนโลกศิลปะ เปลี่ยนมุมมองด้านทัศนศิลป์ ให้แตกต่างออกไป ทว่าสามารถหลอมรวมเข้ากับงานศิลปะได้อย่างกลมกลืน ราวกับที่ศิลปินชาวฝรั่งเศสในยุคอิมเพรสชันนิสม์ Georges Seurat ได้เคยกล่าวไว้ว่า Art is Harmony ตราบใดก็ตามที่มนุษย์สามารถนำทุกอย่างมาประยุกต์กันได้อย่างกลมกลืน สิ่งนั้นคือศิลปะเช่นกัน

ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรกล ทำให้เราก้าวมาอยู่ในจุดนี้ได้อย่างกลมกลืน และจะไม่มีโลกคู่ขนานระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะอีกต่อไป เพราะเทคโนโลยีทำให้ทุกอย่างบรรจบเข้าหากันบนโลกใบเดียวกัน…

คลิกที่นี่ >>>> เพื่ออ่านเรื่อง การโอบกอดที่แนบแน่นและลึกซื้ง ระหว่างเทคโนโลยีและศิลปะ

 

เรียบเรียงจากบทความ Technology is changing how art is made, displayed, and sold. Here’s the deal, www.itrexgroup.com

innomatter

innomatter

ข่าวไอที นวัตกรรม พลังงาน และความยั่งยืน

Related Articles