ร้อยไม่เชื่อ พันไม่เชื่อ! ต้าวเหมียวแสนน่ารัก ตัวนุ่มๆ ขี้อ้อนเป็นที่หนึ่งคือ “นักฆ่า” ผู้ไม่เคยปราณีใคร
สำหรับชาวทาสข้อกล่าวหานี้ถือเป็นเรื่องช็อกโลกเลยทีเดียว ประเมินจากน้องต้าวที่บ้านและที่รู้จัก ที่เห็นตะปบเล่น รวมทั้งนำมาฝากเพราะรัก มีแค่จิ้งจก หนู แมลงสาบ ตุ๊กแก งู หรืออาจจะมีอะไรอื่นอีกเล็กๆ ที่ไปพบเจอในรัศมีการเดินเล่นรอบที่พักอาศัย หรือที่คนติดภาพกันก็แค่ “นก”!
น่าสนใจว่า ข้อมูลจากวิกิพีเดียรายงานว่า เฉพาะในสหรัฐอเมริกาแมวฆ่านกมากถึงปีละ 2,000–4,000 ล้านตัว ซึ่งตัวเลขนี้เป็นฝีมือของทั้งแมวที่มีเจ้าของและแมวจร ส่วนในออสเตรเลียมีนกที่ตกเป็นเหยื่อปีละ 70 ล้านตัว ที่อังกฤษอีก 27 ล้านตัว รวมแล้วทั่วโลกมีประชากรนกถูกจัดการไปทั้งสิ้นประมาณ 7,000–20,000 ล้านตัวต่อปี
นักวิทยาศาสตร์แห่งสถาบันสมิธโซเนียนยังพบว่า ในช่วง 500 ปีที่ผ่านมา แมวทำให้สัตว์ชนิดต่างๆ ทั้งสัตว์ปีก สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมขนาดเล็ก สัตว์ฟันแทะ สัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบกสูญพันธุ์ไปแล้วถึง 430 ชนิด ด้วยสัญชาตญาณนักล่า บางทีล่าหรือฆ่าเพราะความอยากรู้อยากเห็นไม่ได้นำมากินหรือเป็นอาหาร
ล่าสุด รายงานจากวารสาร Nature Communications ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงการเป็นนักฆ่าสายพันธุ์ดุ Christopher Lepczyk นักนิเวศวิทยาผู้นำการวิจัยจากมหาวิทยาลัยออเบิร์น สหรัฐอเมริกา รายงานผลการวิจัยบนสมมติฐานที่ว่า แมวเป็นสัตว์สายพันธุ์รุกรานที่เป็นปัญหามากที่สุดในโลก พบว่า แมวบ้านคร่าชีวิตสัตว์อื่นๆ มากกว่า 2,000 สายพันธุ์ และเป็นสาเหตุทำให้สัตว์อย่างน้อย 11 ชนิด สูญพันธุ์ไปแล้ว
Lepczyk ใช้เวลาถึง 2 ทศวรรษในการค้นคว้าเก็บข้อมูลว่าแมวกินอะไร โดยเริ่มจากความอยากรู้อยากเห็นของตนเองก่อน รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่มีจากทั่วโลก จากบทความในวารสารที่น่าเชื่อถือ วิทยานิพนธ์ระดับปริญญาเอก รวมทั้งบทความในหน้านิตยสารตลอดศตวรรษที่ผ่านมา
พบว่ามีการระบุอย่างชัดเจนว่า มีสัตว์กว่า 2,000 สายพันธุ์ที่แมวกิน ซึ่งในบรรดาสัตว์ทั้งหมดมี 347 สายพันธุ์ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และ 11 สายพันธุ์ที่สูญพันธุ์ไปแล้ว
นอกจากนี้ ทีมนักวิจัยยังลงพื้นที่เก็บหลักฐานเองจากอึจากสิ่งที่สำรอกออกมาของแมว ทั้งจากสอบถามบรรดาทาสทั้งหลายว่าแมวเอาอะไรมาฝากบ้าง เท่านั้นยังไม่พอยังมีการติดกล้องเก็บพฤติกรรมบรรดาแมวๆ และก็พบข้อมูลที่น่าตกใจว่า แม้แต่กระต่ายตัวโตกว่าตัวมันเองก็สามารถจัดการได้อย่างไม่คณนามือ
“นก” ซึ่งเป็นที่รู้กันว่าเป็นไม้เบื่อไม้เมากับแมวนั้น ถ้าเทียบเป็นอัตราส่วนกับบรรดาเหยื่อทั้งหลาย คิดเป็นสัดส่วนเพียง 47% ของทั้งหมด กล่าวคือมีด้วยกัน 981 สายพันธุ์ ถ้าเปิดโลกกว้างต่อไปอีกจะพบว่า บรรดาเมนูในประสบการณ์การล่าของแมว มีสัตว์เลื้อยคลาน 463 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 431 ชนิด แมลง 119 ชนิดสายพันธุ์ สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ 57 ชนิด และสัตว์อื่นๆ อีก 33 ชนิด เช่น แมงมุมและปู
ไม่เพียงเท่านั้น ทีมวิจัยยังพบอีกว่า 17% ของสายพันธุ์ที่แมวรับประทาน ซึ่งประกอบด้วยสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม แมลง และสัตว์เลื้อยคลาน อยู่ในกลุ่มที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ โดยเฉพาะถ้าเป็นพื้นที่ที่เป็นเกาะจะมีความเสี่ยงสูงกว่าพื้นที่แผ่นดินใหญ่ถึง 3 เท่า
ตัวอย่างเช่นประเทศออสเตรเลีย นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2331 ที่ชาวยุโรปนำแมวเข้าไป น้องขยายพันธุ์อย่างรวดเร็ว กระทั่ง Tanya Pilbersek รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมและน้ำของออสเตรเลีย ต้องประกาศสงครามกับแมวจรจัดในเดือนกันยายน 2566 โดยออกกฎหมายให้เลี้ยงแมวได้ แต่ต้องจำกัดพื้นที่เฉพาะในบ้าน ห้ามปล่อยมาเดินเพ่นพ่านโดยเด็ดขาด
แน่นอนว่า สามารถลดจำนวนประชากรสัตว์ที่ถูกแมวฆ่าลงได้ แต่ก็เพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ขณะที่บางคนอาจมองว่าการทำหมันน่าจะเป็นทางออกหนึ่งที่ประนีประนอมอย่างที่สุดแล้ว แต่ในความเป็นจริง ปัญหาแมวที่รุกรานระบบนิเวศ สาเหตุมาจากแมวจร ไม่ใช่แมวบ้าน
กล่าวในทางสากลวิธีลดการล่าสัตว์ของแมวเช่นนี้อาจจะไม่ได้ผลมากนัก เนื่องจากทัศนคติทางวัฒนธรรมที่มีต่อแมวที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ ซึ่งจะว่าไปดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์พฤติกรรมแมวบางท่านทักท้วงว่า ถ้าจะพูดถึงประเด็นการล่าที่ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศ แมวถือเป็นแพะรับบาป
เพราะมนุษย์สร้างผลกระทบต่อระบบนิเวศมากกว่ามาก ตั้งแต่ตัดไม้ทำลายป่า การเผาเชื้อเพลิงฟอสซิส การพัฒนาเมือง และอื่นๆ อีกมากมาย-มิใช่หรือ
สำหรับผู้ที่ชื่อชอบงานเขียนของ Rabbit2TheMoon สามารถอ่านเรื่องอื่นๆ ก่อนหน้าได้ ที่นี่