State control over AI รัฐฯ หลายประเทศทั่วโลกเร่งคุมอันตรายจาก AI

State control over AI หรือการควบคุมอันตรายที่เกิดจากการนำเอา AI มาใช้ ซึ่งรัฐบาลของหลายประเทศกำลังเร่งผลักดันกฏระเบียบเพื่อล้อมคอกไว้ล่วงหน้า
Share

 

ในยุคที่ Generative AI กำลังเดินหน้าปฏิวัติโลกเทคโนโลยีแบบฉุดไม่อยู่ รัฐบาลในหลายประเทศทั่วโลก ก็มีการตอบสนองที่ดูจะย้อนแย้งเล็กน้อย ทั้งตอบรับกระแสอย่างดี ขณะเดียวกันก็มีความกังวลอยู่ในที พร้อมเร่งออกกฎระเบียบควบคุมดูแล เพื่อส่งเสริมประโยชน์ของ AI ขณะที่ต้องพยายามลดความเสี่ยงต่างๆ ไปพร้อมกัน เช่น เรื่องอคติและการบิดเบือนข้อมูล

 

นับตั้งแต่ Generative AI แพร่หลายและได้รับความนิยมจากการเปิดตัว ChatGPT เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันก็เกิดการเรียกร้องให้มีการควบคุมเทคโนโลยี เพื่อหยุดยั้งอันตรายที่ไม่ควรเกิด

ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังสนุกกับการทดสอบขีดจำกัดของโมเดลภาษาขนาดใหญ่ เช่น ChatGPT แต่ก็แอบมีความน่ากังวลให้เห็น เกี่ยวกับเจ้าเทคโนโลยีที่สร้างข้อมูลจากการคาดคะเน และอาจให้คำแนะนำที่ไม่เหมาะสม เช่น เมื่อ Bing เวอร์ชันที่เป็น AI บอกกับนักข่าว New York Times ให้หย่ากับคู่สมรสเป็นต้น

คนแวดวงอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายยังสังเกตเห็นข้อกังวลอื่น ๆ รวมถึงความสามารถที่ AI สร้างข้อได้เปรียบให้กับผู้โจมตีทางไซเบอร์ โดยช่วยให้โจมตีได้สะดวกขึ้น หรือความเป็นไปได้ที่จะเกิดการละเมิดลิขสิทธิ์และความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เนื่องจาก AI ได้รับการฝึกฝนกับชุดข้อมูลแทบจะทุกรูปแบบ และอาจมีโอกาสในการเลือกปฏิบัติเมื่อมนุษย์ใส่ข้อมูลด้วยอคติส่วนตัวไว้ในอัลกอริทึม

ประเด็นที่น่ากังวลมากที่สุดคือ Generative AI ที่เรียนรู้ด้วยตัวเอง และแสดงให้เห็นว่ามีความสามารถมากขึ้นในเวลาที่มีการนำเข้าข้อมูล โดยที่ผู้สร้างอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นภายในระบบบ้าง เรื่องนี้เป็นไปตามที่ อดีตมือดีด้าน AI ของ Google Geoffrey Hinton ได้กล่าวไว้ว่า มนุษยชาติอาจเป็นเพียงขั้นตอนหนึ่งในวิวัฒนาการของระบบ AI ที่สามารถพัฒนาเป้าหมายของตนเองต่อไปโดยที่มนุษย์อาจจะไม่รู้อะไรเลย

ทั้งหมดนี้ทำให้หน่วยงานรัฐบาลในหลายประเทศเรียกร้องให้มีกฎระเบียบคุ้มครอง แต่ก็เป็นเรื่องปกติที่กฎระเบียบด้านเทคโนโลยีแนวทางเดียวอาจไม่ได้เหมาะกับทุกประเทศ เพราะหน่วยงานภาครัฐในแต่ละประเทศอาจต้องการควบคุม Generative AI ในแนวทางที่เหมาะสมกับสภาพการเมืองของประเทศตัวเองมากที่สุด

เรามาศึกษากันว่า State control over AI หรือกฏระเบียบในการคุม AI ในหลายๆ ประเทศเขากำลังคุยเรื่องอะไรกันบ้าง

 

แต่ละประเทศต่างมี State control over AI ในแบบของตัวเอง

เมื่อพูดถึงปัญหาด้านเทคโนโลยี แม้ทุกประเทศจะมีอิสระในการตั้งกฎเกณฑ์ของตนเองก็ตาม ในอดีตเราได้เห็นการประสานรูปแบบระหว่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป และประเทศตะวันตกส่วนใหญ่ โดยไม่ค่อยเห็นกฎหมายของประเทศใดประเทศหนึ่งขัดแย้งกับกฎหมายของประเทศอื่นอย่างสิ้นเชิง

แม้ว่ารายละเอียดของกฎหมายที่เสนอโดยเขตอำนาจศาลแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน แต่มีหนึ่งประเด็นหลักที่รัฐบาลของหลายประเทศได้มีการเสนอคือ เรื่องประโยชน์ของ AI ที่ไม่สร้างความเสี่ยงทางสังคม ซึ่งที่จริงฝ่ายนิติบัญญัติของสหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาก็กำลังร่างแนวทางปฏิบัติของ AI เพื่อลดช่องว่างจนกว่าที่จะมีการผ่านกฎหมายใดๆ ออกมา

พูดได้ว่า Generative AI นั้นถือเป็นแค่คำศัพท์ทั่วไปสำหรับกระบวนการอัตโนมัติประเภทใดก็ตามที่ใช้อัลกอริทึมในการผลิต จัดการ หรือสังเคราะห์ข้อมูล ในรูปแบบที่เป็นรูปภาพหรือข้อความที่มนุษย์อ่านได้ และที่เรียกกันแบบนั้นก็เพราะมันสร้างสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อน และไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ อีกทั้งการพูดคุยเกี่ยวกับกฎระเบียบก็ไม่ใช่เรื่องใหม่เช่นกัน

 

ก้าวแรกสำหรับกฎหมายในการควบคุม AI

แม้ว่าคณะกรรมาธิการยุโรปจะหารือเกี่ยวกับกฎหมายกำกับดูแล AI ที่เริ่มขึ้นในปี 2019 แต่รัฐบาลสหราชอาณาจักรก็เป็นหนึ่งในกลุ่มแรกๆ ที่ประกาศความตั้งใจ โดยมีการเผยแพร่เอกสารในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งสรุปหลักการ 5 ข้อที่อยากให้ทุกคนปฏิบัติตาม ได้แก่ ความปลอดภัย การรักษาความปลอดภัย และความน่าเชื่อถือ ทั้งในเรื่องของความโปร่งใสและสามารถอธิบายได้ มีความเป็นธรรม ระบุความรับผิดชอบและมีการกำกับดูแล อีกทั้งสามารถทำการทดสอบและแก้ไขได้

ในการพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่เรียกว่า “กฎหมายที่เข้มงวด” รัฐบาลสหราชอาณาจักรได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลใช้กฎระเบียบปัจจุบันที่มีเพื่อให้แน่ใจว่าการใช้งาน AI เป็นไปตามแนวทาง แทนที่จะร่างกฎหมายใหม่ขึ้น

หลังจากนั้น คณะกรรมาธิการยุโรปได้เผยแพร่ร่างพระราชบัญญัติ AI ร่างแรก ซึ่งค่อนข้างล่าช้าเนื่องจากจำเป็นต้องรวมบทบัญญัติสำหรับการควบคุมรูปแบบของการนำเอา Generative AI ไปใช้ โดยที่ร่างกฎหมายประกอบด้วยข้อกำหนดสำหรับแบบจำลอง เพื่อลดความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้ ทั้งในเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย สิทธิขั้นพื้นฐาน สิ่งแวดล้อม ประชาธิปไตย และหลักนิติธรรม โดยมีผู้เชี่ยวชาญอิสระเข้ามาช่วยดูแล

โดยเนื้อหาของร่างกฎหมายนี้ จะห้ามใช้ AI ในกรณีที่อาจกลายเป็นภัยคุกคามต่อความปลอดภัย การดำรงชีพ หรือสิทธิของผู้คน โดยข้อกำหนดเกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์จะมีข้อจำกัดน้อยลงตามความเสี่ยงที่รับรู้ได้ ตัวอย่างเช่น การโต้ตอบกับแชทบอทในการตั้งค่าการบริการลูกค้าจะถือว่ามีความเสี่ยงต่ำ

ระบบ AI ที่มีระดับความเสี่ยงสูง เช่น การใช้สำหรับระบบให้คะแนนทางสังคมของรัฐบาลและระบบการระบุตัวตนด้วยไบโอเมตริกซ์ โดยทั่วไปจะไม่ได้รับอนุญาต โดยมีข้อยกเว้นบางประการสำหรับการนำไปใช้งาน

 

อะไรคือเรื่องท้าทายของการออก State control over AI

แม้ว่าหลายประเทศได้เริ่มร่างข้อบังคับเกี่ยวกับ AI แล้วก็ตาม แต่โดยความเป็นจริง ผู้ร่างกฎหมายต้องคอยติดตามเทคโนโลยีใหม่ ให้ทันการณ์อยู่เสมอ รวมถึงต้องพยายามทำความเข้าใจถึงความเสี่ยงและผลตอบแทน

ระบบ AI อาจก่อให้เกิดอันตรายโดยไม่ตั้งใจ เนื่องจากมนุษย์ที่เขียนโปรแกรมอาจมีอคติ ส่งผลให้ข้อมูลที่โปรแกรมได้รับการฝึกฝนอาจมีอคติหรือข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง แม้ในความเป็นจริง ทุกคนล้วนอยากได้ระบบ AI ที่ฝึกด้วยข้อมูลที่เป็นกลางเพื่อทำให้การตัดสินใจของ AI ถูกต้องและไม่ก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ

ความรับผิดชอบของผู้สร้างระบบถือเป็นสิ่งสำคัญ โดยผู้ใช้ควรจะสามารถท้าทายผลการตัดสินใจของ AI ได้ ในขณะที่นักพัฒนา AI ต้องสามารถอธิบายตรรกะหรือเหตุผลที่อยู่เบื้องหลังการให้เหตุผลของเทคโนโลยี ตัวอย่างล่าสุดของคดีที่เกี่ยวข้องคือคดีฟ้องร้องที่ยื่นฟ้องโดยชายชาวสหรัฐฯ ที่ถูกปฏิเสธงานเนื่องจากซอฟต์แวร์วิดีโอ AI ตัดสินว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ

บริษัทเทคโนโลยีจึงจำเป็นต้องทำให้ระบบ AI สามารถตรวจสอบได้ เพื่อให้อยู่ภายใต้การตรวจสอบที่เป็นอิสระโดยหน่วยงานจากภายนอกหรือหน่วยงานกำกับดูแลก็ตาม และผู้ใช้ควรมีสิทธิ์เข้าถึงเพื่อขอความช่วยเหลือทางกฎหมายในกรณีที่เกิดผลกระทบจากการตัดสินใจโดย AI โดยควรมีการกำกับดูแลสำหรับคนไม่ใช่เครื่องจักรกล

 

นี่เป็นเพียง ยกแรก ของการออกกฎเพื่อคุมพลังอันเหลือเฟือของ AI ซึ่งแน่นอนหากกฏเข้มงวดเกินไปก็อาจทำให้ไม่ได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่จากการใช้งาน แต่หากไม่มีกฏระเบียบรองรับเลย ก็จะเสี่ยงต่อความเสียหายและความวุ่นวายที่อาจเกิดในอนาคต แม้เราจะยังไม่ได้เข้าสู่ยุคที่ AI ปฏิวัติมนุษยชาติ แต่ความน่ากลัวก็มีอยู่ไม่น้อยกับคำว่าสมองกลที่คิดเองทำเองได้

 

เรียบเรียงจากบทความต้นทาง ComputerWorld USA : Governments worldwide grapple with regulation to rein in AI dangers

Related Articles