Cyber Elite จับมือ IBM ยกระดับการป้องกันภัยคุมคามโลกไซเบอร์ พร้อมให้บริการ CSOC ตั้งเป้าหมายลูกค้าตั้งแต่ระดับ SMB ถึง ระดับ Enterprise มั่นใจส่วนแบ่งตลาด 30% ขึ้นอันดับ 1 ผู้ให้บริการในไทย ภายใน 3 ปี พร้อมเป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับ regional ในอาเซียน ภายใน 5 ปี
“ครึ่งปีแรกของการเปิดดำเนินการ บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเป็นไปในทิศทางที่ดี โดยมีอัตราการเติบโต Year-Over-Year Growth เกินกว่า 400% โดยรายได้หลักมาจากการให้บริการด้าน Cyber Security Solution และ Security Advisory ในขณะที่มีดำเนินการยกระดับบริการ Managed Security Services ให้สอดคล้องกับบริบทในการดำเนินธุรกิจ” ดร. ศุภกร กังพิศดาร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไซเบอร์ อีลีท จำกัด ในกลุ่มเบญจจินดา กล่าว
ทิศทางครึ่งหลังและเป้าหมายปีหน้า เปิดตัวบริการ CSOC
ในส่วนของทิศทางในครึ่งปีหลังของปี 2565 ของ Cyber Elite มองที่การสานต่อความร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในแต่ละส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพลตฟอร์มการให้บริการป้องกันภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการกับลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตั้งแต่องค์กรระดับ SMB ถึงองค์กรระดับ Enterprise ครอบคลุมธุรกิจภาคการเงิน พลังงาน โทรคมนาคม ภาครัฐ รวมทั้งองค์กรที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ( กสทช.) ที่ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ข้อบังคับด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์
และเนื่องจากบริการนี้เป็นส่วนหนึ่งของบริการ Managed Security Services ที่ ไซเบอร์ อีลีท ให้บริการอยู่แล้ว สำหรับลูกค้าเดิมจึงสามารถต่อยอดไปใช้บริการดังกล่าวได้ทันที ขณะที่ลูกค้าใหม่ ทั้งที่ไม่เคยใช้บริการรายใดหรือต้องการย้ายมารับบริการไซเบอร์ อีลีท ก็มารับบริการได้ในอัตราค่าบริการที่สามารถรองรับได้ คิดเป็นสัดส่วนลูกค้าใหม่ และลูกค้าเก่า ที่ยกระดับบริการในอัตรา 50:50
กลยุทธ์หลักในการสร้างความต้องการในเรื่องนี้คือ “Managed everything with forward-looking cyber risk awareness” ตั้งเป้าไปที่การสร้างบริการที่หลากหลายและแตกต่างที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถเห็นความเสี่ยงทางด้านไซเบอร์ภายในองค์กรได้ก่อนที่เหตุจะเกิด เพื่อที่จะสามารถวางแผนป้องกันได้ล่วงหน้าได้ ซึ่งปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้คือ ข้อมูลที่มีคุณภาพ บุคลากรที่มีความสามารถ และที่ขาดไม่ได้คือ เทคโนโลยีชั้นนำที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการวิเคราะห์ประเด็นความเสี่ยงและภัยคุกคาม รวมทั้งช่วยลดเวลาในการเผชิญเหตุทางไซเบอร์ได้
จับมือ IBM พัฒนา CSOC ล้ำยุค
โดยบริษัทฯ ร่วมมือเป็นพันธมิตร พร้อมนำเทคโนโลยีระดับโลกของไอบีเอ็มเข้ายกระดับการให้บริการศูนย์เฝ้าระวังภัยคุกคาม เป็นศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังและรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์แบบครบวงจร หรือ Cyber Security Operations Center เพื่อช่วยองค์กรเฝ้าระวังภัยคุกคามไซเบอร์อย่างต่อเนื่อง ตรวจจับการโจมตีได้อย่างรวดเร็วก่อนที่จะสร้างความเสียหายแก่องค์กรด้วยเทคโนโลยีชั้นนำจาก IBM
ทั้งนี้ความร่วมมือระหว่าง Cyber Elite และ IBM ในครั้งนี้จะผสานความแข็งแกร่งระหว่างกันให้ดูแลป้องกันภัยคุกคามให้กับลูกค้าได้อย่างแข็งแกร่ง ด้วยจุดเด่น คือการมีบุคลากรที่มีประสบการณ์ และมีความเข้าใจบริบทด้านการบริหารจัดการด้านไซเบอร์ขององค์กร รวมทั้งมีความสามารถในการออกแบบและติดตั้งเทคโนโลยีด้านความมั่นคงปลอดภัยที่ทันสมัยเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าของแต่ละองค์กร ขณะที่ IBM เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีชั้นนำของโลก
“ความร่วมมือระหว่าง Cyber Elite กับไ IBM ในครั้งนี้เป็นการยกระดับเทคโนโลยี Threat Intelligence จากภายนอกเข้าไปเพื่อเสริมความสามารถในการรับรู้เทรนด์ของภัยคุกคามล่าสุด เพื่อให้ระบบตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามไซเบอร์ได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น” ดร.ศุภกรกล่าว
สำหรับจุดเด่นของบริการนี้ คือบริการที่มีความเชื่อถือได้ด้วย มาตรฐานสากลรวมถึงการเฝ้าระวังภัยคุกคามไซเบอร์แบบ 24 x 7 จัดเก็บ Log ตาม พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ
พร้อมระบบการแจ้งเตือนภัยคุกคามพร้อมการให้คำแนะนำที่รวดเร็วและแม่นยำ รับมือ, ตอบสนองและแก้ไขต่อการคุกคามที่ทันต่อเหตุการณ์ พร้อมกับจัดทำรายงานการแจ้งเตือนต่างๆ จากฐานข้อมูลภัยคุกคาม พร้อมช่วยในการจัดทำวิธีการปฏิบัติและตอบสนองที่ดีที่สุด โดยที่ข้อแตกต่างก็คือสามารถปรับแต่งบริการให้ตรงตามที่องค์กรนั้นๆ ต้องการ ซึ่งแตกต่างจากบริการแบบเดียวกันจากบริษัทอื่นๆ
ในแง่รายได้และการเติบโตนั้น ทุกปีตลาดระบบรักษาความปลอดภัยไซเบอร์นั้นโตเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ทุกปี รวมถึงตลาดของ Managed Security Service ก็ไปในทางเดียวกันที่ 10-15% โดยปิดปีที่แล้วรายได้ของธุรกิจ CSOC ของ Cyber Elite จบอยู่ที่ 150 ล้านบาท ตั้งเป้าสำหรับปี 65 นี้ที่ 350-400 ล้านบาท โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักที่ภาคการเงิน ภาครัฐ และภาคธุรกิจที่เป็นองค์กรภายใต้กำกับของหน่วยงานกำกับต่าง ๆ
เพื่อให้ถึงเป้าหมายได้ Cyber Elite ได้จับมือกับ IBM ประเทศไทย ในการนำเอาโซลูชันระบบป้องกันภัยไซเบอร์ ทั้งในด้านของการป้องกันและบริหารจัดการสมบูรณ์แบบมาใช้ เพื่อทำให้บริการ CSOC นั้นสามารถให้บริการกับลูกค้าได้ทุกความต้องการ และแน่นอนก็คือมีความแม่นยำ ถูกต้อง ปลอดภัย และสามารถตรวจสอบและออกรายงานการคุกคาม รวมถึงมีระบบป้องกันที่ชาญฉลาดพร้อมปกป้องล่วงหน้าก่อนเกิดการคุกคามจริงในอนาคต
“ความร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ IBM ทำให้เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่แข่งอื่นๆ ในไทย การดูแลลูกค้า ตลอดจนเป็นไปตามเป้าหมายการขยายฐานลูกค้าของไซเบอร์ อีลีทไปในประเทศอาเซียน”ดร.ศุภกร กล่าว
คุณภาวศุทธิ ศรีวิโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ กลุ่มธุรกิจไอบีเอ็ม ซอฟต์แวร์ กล่าวว่า วันนี้เอเชียเป็นเป้าโจมตีไซเบอร์สูงสุด โดยมีอุตสาหกรรมบริการทางการเงินและประกันภัยเป็นกลุ่มที่ถูกโจมตีมากที่สุด การโจมตีทางไซเบอร์เพิ่มจำนวนและทวีความซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ และวันนี้กลายเป็นภัยคุกคามสูงสุดของทุกองค์กรทั่วโลก สิ่งนี้ตอกย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนที่องค์กรต้องเร่งลงทุนในเทคโนโลยีที่ช่วยมอนิเตอร์ ตรวจจับ หรือตอบสนองการโจมตี
“ในแต่ละวัน IBM เฝ้าติดเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย 150,000 ล้านเหตุการณ์ ในกว่า 130 ประเทศ โดยเป็นหนึ่งในผู้นำโลกที่มีศักยภาพครอบคลุมที่สุดในแง่การวิจัยพัฒนาและเทคโนโลยีด้านซิเคียวริตี้ เมื่อผนวกเทคโนโลยี SOAR, SIEM และ UEBA ระดับโลกของไอบีเอ็ม เข้ากับความเข้าใจในสภาพแวดล้อมของภัยคุกคามไซเบอร์ในไทยเป็นอย่างดีของ Cyber Elite จึงเป็นสองพลังที่จะช่วยองค์กรจัดการความเสี่ยงและป้องกันภัยคุกคามใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด” คุณภาวศุทธิ กล่าวทิ้งท้าย
ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cyber Security Operations Center
“การตั้ง SOC เองอาจไม่ตอบโจทย์องค์กรในปัจจุบันที่ต้องพร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลง”
เพื่อให้สามารถเฝ้าระวังและรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ได้อย่างต่อเนื่อง แนวคิดเรื่องศูนย์ปฏิบัติการด้านความมั่นคงปลอดภัย (Security Operations Center: SOC) จึงได้ถูกพัฒนาขึ้น อย่างไรก็ตาม SOC ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์หรือโซลูชันที่ซื้อเข้ามาติดตั้งใช้งานแล้วจบไป SOC ต้องประกอบด้วยทั้งเทคโนโลยี กระบวนการ และบุคลากรที่มีทักษะสำหรับวิเคราะห์และเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้น รวมไปถึงเข้าใจบริบทโดยรอบ ซึ่งจะช่วยให้สามารถตรวจจับและรับมือกับภัยคุกคามไซเบอร์ที่มีความซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ด้วยเหตุนี้ การตั้ง SOC ให้ประสบผลสำเร็จจึงจำเป็นต้องจัดเตรียมทรัพยากรทั้งทางด้านเทคโนโลยีและบุคลากร รวมไปถึงงบประมาณจำนวนมหาศาล ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายมากสำหรับธุรกิจขนาดกลางและเล็กที่มีทรัพยากรและเงินลงทุนจำกัด โดยเฉพาะธุรกิจที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท., ก.ล.ต., คปภ., กสทช. ที่ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ การเลือกใช้บริการ SOC จากภายนอกอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า ทั้งยังเป็นการยกระดับความสามารถด้านความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แบบทันที เนื่องจากผู้ให้บริการ SOC ส่วนใหญ่มีบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยี และกระบวนการที่ได้มาตรฐานอยู่แล้ว องค์กรไม่จำเป็นต้องลงทุนวางระบบ จัดทำกระบวนการ หรือฝึกอบรมบุคลากรแต่อย่างใด
สามารถอ่านข่าวเกี่ยวกับ ความปลอดภัยไซเบอร์ อื่นๆ ได้ที่นี่