Kaspersky ตรวจพบเหตุการณ์อันตรายทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์อยู่ในประเทศไทยที่ถูกละเมิด แคสเปอร์สกี้บล็อกเหตุการณ์จำนวน 191,909 ครั้งในไตรมาสแรกของปี 2025 (มกราคม-มีนาคม) ซึ่งเพิ่มขึ้น 21.51% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่มีเพียง 157,935 ครั้ง
สถิติของประเทศไทยในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานั้นเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาสแรกของปี 2021 มีเหตุการณ์ที่เกิดจากเซิร์ฟเวอร์ที่โฮสต์อยู่ไทยจำนวน 32,739 ครั้ง และพุ่งสูงสุดในไตรมาสแรกของปีนี้ที่ 191,909 ครั้ง
นอกจากนี้รายงานไตรมาสแรกของแคสเปอร์สกี้ได้แสดงให้เห็นว่าในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สิงคโปร์มียอดเหตุการณ์อันตรายที่เกิดจากเซิร์ฟเวอร์ในประเทศที่ถูกบุกรุกมากที่สุดถึง 6,313,833 ครั้ง และเป็นอันดับ 5 ของโลก
ผู้ก่อภัยคุกคามใช้เซิร์ฟเวอร์ที่ถูกบุกรุกเพื่อโฮสต์เว็บไซต์และส่งมัลแวร์ให้กับผู้ใช้ที่ไม่ทันระมัดระวัง เหยื่อจะถูกนำไปยังเว็บไซต์ผ่านโฆษณาปลอม ลิงก์ฟิชชิ่งในอีเมล SMS และแผนการอันตรายอื่นๆ หลังจากนั้นคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ของเหยื่อจะถูกสแกนเพื่อหาช่องโหว่และใช้ประโยชน์ เมื่อผู้ใช้พบกับภัยคุกคามออนไลน์ โซลูชันของแคสเปอร์สกี้จะตรวจจับแหล่งที่มาของภัยคุกคาม ตำแหน่งของวัตถุและบล็อกภัยคุกคามดังกล่าว
การละเมิดข้อมูลเป็นประเด็นข่าวที่ถูกพูดถึงบ่อยครั้ง ในปี 2025 ประเทศไทยประสบกับเหตุการณ์ข้อมูลรั่วไหลและการขายข้อมูลส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นอย่างน่าตกใจ ซึ่งส่งผลกระทบต่อทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัทที่มีชื่อเสียงของไทยหลายแห่งประสบกับการละเมิดความเป็นส่วนตัว รวมถึงห้างสรรพสินค้า กลุ่มปิโตรเลียม บริษัทโลจิสติกส์ และบริการไปรษณีย์ของประเทศ
คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย (PDPC) ได้จัดตั้งศูนย์ ‘PDPC Eagle Eye Center’ ซึ่งทำงานอย่างใกล้ชิดกับ ‘Cyber Eye Center’ ของตำรวจไซเบอร์ เพื่อติดตามการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล การซื้อขายในตลาดมืด และการบังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็ว ความร่วมมือครั้งนี้ยังมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างความตระหนักรู้และกำหนดบรรทัดฐานทางสังคมว่าการละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลเป็นความผิดร้ายแรงที่ควรดำเนินคดีตามกฎหมาย
เอเดรียน เฮีย กรรมการผู้จัดการ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แคสเปอร์สกี้ กล่าวว่า ตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศไทยขับเคลื่อนโดยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลและความต้องการโซลูชันความปลอดภัยไซเบอร์ที่เพิ่มมากขึ้น คาดว่ารายได้ของตลาดจะสูงถึง 404.60 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 ไม่ต้องสงสัยเลยว่าอาชญากรไซเบอร์ตระหนักถึงเรื่องนี้และใช้ประโยชน์จากการเติบโตดังกล่าวโดยใช้กลยุทธ์และเครื่องมือที่ซับซ้อนมากขึ้น
“อย่างไรก็ตาม ยังมีตัวบ่งชี้เชิงบวกของความก้าวหน้าและกลยุทธ์ที่มั่นคงของประเทศไทย รายงานเดียวกันนี้เผยให้เห็นว่าโซลูชันความปลอดภัยไซเบอร์เป็นกลุ่มที่ครองตลาดของประเทศ โดยคาดการณ์มูลค่าตลาดที่ไว้ที่ 247.53 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้ นอกจากนี้ การประสานงานและการทำงานร่วมกันจากทุกภาคส่วน เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สํานักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังส่งเสริมความปลอดภัยไซเบอร์และนำไปสู่อนาคตที่ปลอดภัยยิ่งขึ้นของประเทศไทย” เอเดรียน กล่าว
ข้อแนะนำองค์กรและบริษัททุกขนาดเพื่อปกป้องระบบจากการบุกรุกและละเมิดข้อมูล
• ใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่เข้มงวด รวมถึงการใช้ไฟร์วอลล์ ระบบตรวจจับการบุกรุก และซอฟต์แวร์รักษาความปลอดภัยไซเบอร์ เช่น Kaspersky Next เพื่อปกป้องอุปกรณ์เอ็นด์พ้อยต์
• สำรองข้อมูลเป็นประจำ ในกรณีที่เกิดการบุกรุก การสำรองข้อมูลจะทำให้สามารถกู้คืนไฟล์ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าไถ่
• อัปเดตซอฟต์แวร์บนอุปกรณ์ทั้งหมดที่ใช้เพื่อป้องกันผู้โจมตีจากการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่และแทรกซึมเครือข่าย
• สำหรับบริษัทขนาดใหญ่ ควรพิจารณาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งขึ้นโดยตั้งศูนย์ปฏิบัติการรักษาความปลอดภัยโดยใช้เครื่องมือ SIEM (การจัดการข้อมูลและเหตุการณ์ด้านความปลอดภัย) เช่น Kaspersky Unified Monitoring and Analysis Platform (KUMA) ซึ่งเป็นคอนโซลรวมสำหรับตรวจสอบและวิเคราะห์เหตุการณ์ด้านความปลอดภัยของข้อมูล และโซลูชันอย่าง Kaspersky Next EDR Expert ซึ่งเป็นโซลูชันรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ที่แข็งแกร่งซึ่งป้องกันภัยคุกคามไซเบอร์ที่ซับซ้อน
• การให้ความรู้แก่พนักงานเกี่ยวกับความปลอดภัยไซเบอร์ผ่านเครื่องมือ เช่น Kaspersky Automated Security Awareness Platform พนักงานควรตระหนักถึงความเสี่ยงจากภัยคุกคามไซเบอร์ และวิธีการป้องกันตนเองจากความเสี่ยงต่างๆ