Spatial Computing กับโอกาสในการสร้างมูลค่าทางธุรกิจ

Spatial Computing เทรนด์เกิดใหม่หลัง Apple เปิดตัว Vision Pro ที่เกิดคำถามต่อว่ายักษ์ใหญ่รายนี้จะสามารถต่อยอดให้เกิดการใช้งานเชิงธุรกิจอย่างไร
Share

 

การเปิดตัวครั้งใหญ่ของ Apple ครั้งล่าสุดที่ผ่านมาอาจดูน่าประทับใจ แต่สิ่งที่น่าสนใจคือการชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการนำระบบประมวลผลแบบรอบตัวหรือ Spatial Computing มาใช้ในองค์กรขนาดใหญ่

 

เดือนที่แล้ว Apple ได้เปิดตัวซอฟต์แวร์เวอร์ชันเบต้ารุ่นแรกซึ่งขับเคลื่อนอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดในชื่อ visionOS สำหรับควบคุมการทำงาน Apple Vision Pro, รวมถึงชุดพัฒนาซอฟต์แวร์และโปรแกรมจำลองการทำงานต่างๆ

เราได้เห็นรูปภาพและวิดีโอของแอป Vision Pro ทางออนไลน์ ก่อนที่อุปกรณ์ประมวลผลแบบรอบทิศทางมูลค่า 3,499 ดอลลาร์จะออกวางจำหน่าย (คาดการณ์ว่าอุปกรณ์ใหม่นี้จะวางตลาดในช่วงครึ่งแรกของปี 2024)

Apple Vision Pro
Credit Picture : Apple

Apple ยังประกาศแผนการที่จะเปิดตัว “ห้องทดลองสำหรับนักพัฒนา” ซึ่งผู้ผลิตซอฟต์แวร์สามารถทดลองสร้างสรรค์ผลงานของตัวเองได้จริงบนฮาร์ดแวร์ Vision Pro อีกทั้งได้รับความช่วยเหลือจากวิศวกรของ Apple โดยห้องปฏิบัติการเหล่านี้จะเปิดในปลายเดือนนี้ในคูเปอร์ติโน ลอนดอน มิวนิก เซี่ยงไฮ้ สิงคโปร์ และโตเกียว ตามข้อมูลของ Apple

การเผยแพร่ การประกาศ และกิจกรรมที่ Apple เปิดตัวต่อบรรดานักพัฒนา กำลังเริ่มขึ้น เพื่อชี้นำแนวทางการใช้ Vision OS ในเชิงของธุรกิจ

 

แอพพลิเคชัน คือตัวคุมอนาคตของ Spatial Computing

หลายคนพูดว่า “เมื่อครั้งที่ Apple ส่ง iPhone รุ่นแรกออกสู่ตลาดในปี 2550 คนเหล่านี้ ยังไม่ได้เลือกใช้ในทันที เพราะบางคนยังคงติดใจกับการใช้ “Blackberry Pearl” เครื่องเล็กๆ อยู่” หลายคนมองว่า iPhone รุ่นแรก ตัวใหญ่เกินไป

หลังจากนั้นเพียงแค่ปีเดียว ได้มีการเปิดตัว App Store ซึ่งเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนเกม ที่ทำให้โลกมือถือไม่หมือนเดิมอีกต่อไป (รวมถึงการที่ Google มีบริการ Play Store บนมือถือแบบ Android)

ในตอนที่ iPhone รุ่นแรกออกวางขาย หลายคนยังคาดเดาไม่ออกว่าจะใช้สมาร์ทโฟนในรูปแบบใดได้บ้าง เมื่อเทียบกับปัจจุบันที่การใช้งานสมาร์ทโฟนได้หลากหลายรูปแบบ คือเรื่องปกติไปแล้ว รวมถึงความแพร่หลายของโซเชียลเน็ตเวิร์กและโลกของอินฟลูเอนเซอร์ Instagram และ TikTok กระทั่งการรับสายประชุมงานผ่าน Zoom ในขณะขับรถ มีพอดแคสต์ทั้งแบบเสียงและวีดีโอเป็นสื่อหลักเข้ามาแทนการฟังวิทยุ

มีการใช้ Google Maps เพื่อบอกเส้นทางแบบเลี้ยวต่อเลี้ยวให้กับการเดินทางหลายร้อยล้านเที่ยวทั่วโลก เมนูในร้านอาหารที่เข้าถึงได้ด้วย QR-code เกมที่ซับซ้อนนับพันที่หยิบมาเล่นได้จากกระเป๋าของคุณ และการมาของผู้ช่วยส่วนตัวสั่งงานด้วยเสียงอย่าง Siri ที่สามารถบอกข้อมูลของไวน์ได้ในทันทีเพียงแค่สแกน รวมถึงบริการรถรับส่ง สั่งอาหารจากร้านอาหารหลายร้อยร้าน และการเปลี่ยนแปลงอื่นๆ อีกนับพันในวิถีชีวิตของผู้คนในแต่ละวัน

ทั้งหมดนี้ ไม่ใช่เพราะสมาร์ทโฟนทำทั้งหมดนี้ได้เอง แต่เป็นเพราะ แอพพลิเคชัน บนสมาร์ทโฟนที่เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตและการทำงานของผู้คน

ทุกอย่างเปลี่ยนไปเมื่อมีอุปกรณ์ชนิดใหม่ได้เกิดขึ้น และเมื่อนักพัฒนาเริ่มสร้างแอปฯ ออกมามากมาย เราเริ่มมองเห็นว่าโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรบ้าง

การเกิดแอป และการสาธิตของ VisionOS สอนประสบการณ์ใหม่ในการทำงาน รวมถึงคำ วลี และแนวคิด เช่น “ปริมาณ (คอนเทนท์แบบ 3 มิติในขอบเขตที่กำหนด)” “การแชร์พื้นที่” (แสดงผลมากกว่าหนึ่งแอป) และ “พื้นที่ทั้งหมด” ที่แอปพลิเคชันสามารถควบคุมสภาพแวดล้อมของภาพทั้งหมด แสดงเนื้อหา 3 มิติที่ไม่ได้เชื่อมต่อกันซึ่งเคลื่อนที่ไปรอบห้อง กับพอร์ทัลที่เชื่อมสู่โลกเสมือนจริง หรือ VR ได้อย่างเต็มรูปแบบ

นักพัฒนาเปิดเผยว่า visionOS ช่วยให้ผู้ใช้สามารถวางส่วนควบคุมหรือแสดงผลบนพื้นผิวใดก็ได้ เช่น โต๊ะและผนัง ตัวอย่างเช่น สามารถแปะแอปได้เหมือนการแปะโปสเตอร์บนผนัง หรือมีนาฬิกาจับเวลาที่แขวนลอยอยู่เหนือกิจกรรมทั้งหมดที่ทำงานอยู่ มีตัวปรับระดับเสียงที่วางราบอยู่บนโต๊ะ หรือสามารถทำให้บนโต๊ะมีคีย์บอร์ดเสมือนสำหรับการใช้งาน

ใน “โหมดการเดินทาง” แสดงให้เห็นว่า Apple ทำงานอย่างไรเพื่อให้ Vision Pro ใช้งานบนเครื่องบินได้อย่างสะดวก โดยสามารถเปลี่ยนประเภทงานและการสื่อสารระหว่างการเดินทาง เช่นใน “โหมดการเดินทาง” Apple จะเตือนผู้ใช้ว่า “ฟีเจอร์บางอย่างจะยังใช้ไม่ได้

โดยสันนิษฐานว่า อาจจะหมายถึง ฟีเจอร์ที่เรียกว่า EyeSight ที่แสดงภาพเสมือน จะไม่แสดงบนจอแสดงผลภายนอก ให้พนักงานต้อนรับบนเครื่องบินต้องตกใจ และจะไม่แสดงมุมมองแบบอัตโนมัติในการใช้งานใกล้กับผู้โดยสารคนอื่น คล้ายๆ กับการตัดเสียงรบกวนในหูฟัง

 

ทำไม Apple Vision Pro ถึงให้ภาพการใช้งานเชิงธุรกิจได้ชัด?

มีแนวโน้มว่าผลิตภัณฑ์คอมพิวเตอร์แบบ Spatial Computing ของ Apple จะเปลี่ยนวิธีที่ผู้บริโภคใช้ชีวิต สื่อสาร และเสพความเพลิดเพลิน แต่ในระยะสั้น เรื่องนี้จะเปลี่ยนรูปแบบการทำงานของธุรกิจและองค์กร

ทั้งความสามารถของฮาร์ดแวร์ ในรูปลักษณ์ที่พกพาง่าย หน้าจอขนาดใหญ่ให้ความละเอียดสูงจะเปลี่ยนโฉมหน้าของการใช้งาน ช่วยรองรับการทำงานจากระยะไกลและรูปแบบของการทำงานที่เปลี่ยนไป โดยคาดว่า ตั้งแต่ปีหน้าอาจได้เห็นการโทรและการประชุมทางธุรกิจในรูปแบบเสมือนจริงผ่าน Apple Vision Pro หรืออุปกรณ์ที่คล้ายกัน

Apple Vision Pro Usability Case
Credit Picture from Apple Video Presentation

นอกจากนี้ นักการตลาดยังให้การยอมรับเทคโนโลยีอย่าง AR เพื่อกิจกรรมทางการตลาดที่เน้นเรื่องประสบการณ์ ทั้งสำหรับกลุ่มผู้ใช้งานตามบ้านและองค์กรธุรกิจ และแน่นอนอุตสาหกรรมโฆษณาจะมีโอกาสในการขายพื้นที่โฆษณาบนโลกเสมือนได้เช่นกัน

นักออกแบบแอปพลิเคชันจะมีงานเพิ่มขึ้น ในการออกแบบแอปพลิเคชัน ทั้งการสร้างโมเดล 3 มิติผสานเข้ากับการปรับแต่งเพื่อใช้ร่วมกับการแสดงท่าทางด้วยมือ ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโลกอีกครั้ง และอีกหนึ่งรูปแบบการใช้งานที่จะให้ประโยชน์อย่างมากคือเรื่องของการฝึกอบรมที่สามารถจำลองภาพเสมือนจริง รวมถึงงานด้านบำรุงรักษา ซ่อมแซม และการสนับสนุนระยะไกล พนักงานจะสามารถแสดงข้อมูลโดยละเอียดทั้งในโรงงานและในภาคสนาม

Jeremy Legg หัวหน้าฝ่ายระบบเครือข่ายของ AT&T คาดการณ์ว่า Apple จะเพิ่มความสามารถในการเชื่อมต่อเครือข่าย 5G กับ Apple Vision Pro ในอีกไม่ช้าหลังเวอร์ชัน WiFi ออกจำหน่าย ซึ่งจะเป็นการสร้างมิติใหม่ให้กับโลกการสื่อสารในวงกว้างอีกครั้ง ที่จะทำให้เกิดการใช้งานรูปแบบใหม่ๆ ในองค์กร ทั้ง งานภาคสนาม การจัดการยานพาหนะ และแอปพลิเคชันการตลาดที่ให้ประสบการณ์การใช้งานที่ยืดหยุ่นมากขึ้น

แค่ Apple ประกาศเปิดตัวอุปกรณ์นี้ในตลาด ก็เริ่มเห็นกระแสการเปลี่ยนแปลงแล้ว อาทิ มีข่าวลือว่า Google ได้ยกเลิกแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ AR/VR ไปก่อน เพราะ Apple Vision Pro ทำออกมาได้ดีและสมบูรณ์มาก ขนาดที่ได้รับการวางตำแหน่งในสื่อในฐานะผู้สืบทอดของ Google Glass Enterprise Edition ซึ่งเพิ่งถูกยกเลิกไป

ในขณะเดียวกัน ก็เป็นการส่งแรงกระเพื่อมถึงผู้ผลิตแว่นตา AR/VR รายอื่นๆ เนื่องจาก Apple กำลังทำให้ตลาดเชื่อว่าอนาคตของการประมวลผลแบบรอบตัวนี้มาแน่ๆ

แต่เนื่องจากเราจะได้เห็นฮาร์ดแวร์ตัวจริงวางขายกันในปีหน้า จากนั้นถึงจะมีซอฟต์แวร์ออกตามมา เมื่อเวลานั้นมาถึง การนับหนึ่งของโฉมหน้าการเปลี่ยนแปลง ถึงจะเริ่มขึ้นจริง

 

เรียบเรียงจากบทความต้นทาง How we know that Apple’s Vision Pro means business : ComputerWorld Online

 

หากคุณชอบอ่านและติดตาม บทความ ข่าวสาร ความรู้ใหม่ๆ ในด้านเทคโนโลยีสำหรับองค์กร สามารถติดตามอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่

Related Articles