Dell Technologies ปรับกลยุทธตลาดสตอเรจ เน้นนวัตกรรมใหม่ขับเคลื่อนการทำงานแบบ อัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยและพร้อมทำงานแบบ Multi-Cloud

Dell Technologies ปรับกลยุทธตลาดสตอเรจ เน้นนวัตกรรมใหม่ขับเคลื่อนการทำงานแบบ อัตโนมัติ เพิ่มความปลอดภัยและพร้อมทำงานแบบ Multi-Cloud
Share

 

ด้วยฟีเจอร์ใหม่กว่า 500 ฟีเจอร์ ที่อัดแน่นอยู่ในซอฟต์แวร์ระบบจัดเก็บข้อมูลยุคใหม่ ที่มีทั้งความอัจฉริยะ สามารถจัดการงานบริหารระบบด้วยตัวเองอัตโนมัติ รวมถึงทำการย้ายข้อมูลไปอยู่ในพื้นที่ที่เหมาะสมรวมไปถึงคลาวด์แบบหลายแห่ง และที่สำคัญคือเพิ่มการรักษาความปลอดภัยให้กับข้อมูลไม่ว่าจะอยู่ในองค์กรหรือคลาวด์หรือ edge ที่อยู่ปลายทาง ทั้งหมดนี้ลูกค้าของ Dell สามารถนำไปใช้งานได้ฟรี

 

ปัจจุบัน องค์กรธุรกิจ นั้นกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่การทำธุรกิจนั้นต้องรวดเร็ว ตอบสนองการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และที่สำคัญคือ ข้อมูล นั้นกลายเป็นสมบัติชั้นสำคัญของธุรกิจที่นำเข้ามาใช้ในการตัดสินใจ ทำให้วิธีการที่จะนำเอาข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดก็คือ การเปลี่ยนแปลงที่เรียกว่า Digital Transformation โดยที่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จำเป็นต้องอาศัยการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสารสนเทศที่มั่นคง โดยเฉพาะการมีข้อมูลและระบบจัดเก็บข้อมูลที่ยืดหยุ่นและพร้อมเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ

Dell Technologies ประกาศการเพิ่มความสามารถของซอฟต์แวร์ในสายผลิตภัณฑ์สตอเรจชั้นนำของอุตสาหกรรมทั้งหมด เพิ่มประสิทธิภาพของระบบอัจฉริยะ ระบบอัตโนมัติ ความสามารถในการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์และการกู้คืนระบบให้กลับมาดำเนินการได้ตามปกติ ตลอดจนเพิ่มความยืดหยุ่นของมัลติ-คลาวด์

“องค์กรต่างๆ ทั่วโลกรวมถึงในประเทศไทยต่างมองมาที่เดลล์เพื่อความช่วยเหลือในการที่จะช่วยให้พวกเขาสามารถดำเนินการได้เร็วขึ้นในขณะที่ช่วยเปลี่ยนข้อมูลที่องค์กรมีอยู่ในมือให้กลายเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขัน เราได้พัฒนาและส่งมอบนวัตกรรมซอฟต์แวร์ครั้งสำคัญครอบคลุมสายผลิตภัณฑ์ทั้งหมดเพื่อช่วยให้ลูกค้าสามารถใช้ข้อมูลและทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด” นพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าว

แนะนำนวัตกรรมซอฟต์แวร์สตอเรจของเดลล์

ทั้งนี้ ซอฟต์แวร์ที่ล้ำหน้ากว่า 500 รายการใน Dell PowerStore PowerMax และ PowerFlex ให้ข้อมูลเชิงลึกที่เร็วขึ้น ให้การควบคุมข้อมูลบนมัลติคลาวด์ที่ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มความสามารถในการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่มีมากขึ้นโดยไม่มีค่าใช้จ่ายสำหรับลูกค้าที่มีอยู่เดิม ความก้าวหน้าเหล่านี้คือตัวอย่างล่าสุดของนวัตกรรมซอฟต์แวร์สตอเรจของเดลล์  รวมถึง การเปิดตัว Project Alpine ซึ่งจะนำประสิทธิภาพระดับองค์กร (enterprise capacity) ประสิทธิภาพการทำงานและการปกป้องของซอฟต์แวร์สตอเรจของเดลล์เข้ามาสู่พับบลิคคลาวด์

Dell PowerStore สถาปัตยกรรมใหม่ที่รวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ของเดลล์ จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเวิร์กโหลดแบบผสมได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ พร้อมความจุเพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 66 เปอร์เซ็นต์ ลูกค้าสามารถวางแผนกลยุทธ์ความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) ได้ดียิ่งขึ้นด้วยการใช้ Metro Replication ที่เป็นความสามารถในซอฟต์แวร์ตัวใหม่ซึ่งกำหนดค่าได้โดยการคลิกเพียงห้าครั้ง ความก้าวหน้าอื่นๆ ของซอฟต์แวร์เพิ่มเข้ามาทำให้องค์กรสามารถทำในสิ่งต่างๆ นี้

  • ให้การสนับสนุนและรักษาความปลอดภัยที่ดียิ่งขึ้นให้กับเวิร์กโหลดไฟล์ ปริมาณงานของไฟล์ด้วย file level retention ตลอดจนถึง native file replication และการรองรับการมอนิเตอร์ไฟล์จาก third-party และการป้องกันแรนซัมแวร์
  • ความสามารถในการทำงานร่วมกับ  VMware ที่ลึกยิ่งขึ้น รวมถึง VMware vSphere® Virtual Volumes™ (vVols) รวมทั้งการกู้คืนความเสียหายที่ง่ายขึ้นด้วยการจำลองแบบ vVols สแนปช็อตระดับ VM และการโคลนที่รวดเร็ว
  • เพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดของฮาร์ดแวร์ใหม่ด้วยการรองรับ NVMe แบบ end-to-end และเพิ่มความเร็วเครือข่ายสำหรับการเชื่อมต่อ

Dell PowerMax mission-critical สตอเรจที่มีความปลอดภัยที่สุดในโลก จะแนะนำความสามารถในการตอบสนองต่อภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่แอดวานซ์มากยิ่งขึ้น รวมถึง cyber vaults หรือห้องนิรภัยทางไซเบอร์สำหรับการใช้งาน (deployment) แบบดั้งเดิมและบนเมนเฟรม ความสามารถของ CloudIQ ด้านแรนซัมแวร์ สามารถช่วยตรวจจับการโจมตีทางไซเบอร์ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการโดนโจมตีและเพิ่มความเร็วในการกู้คืน ปัจจุบัน PowerMax ให้สแนปช็อตที่ปลอดภัยมากถึง 65 ล้านครั้ง เพื่อเพิ่มปรับปรุงการกู้คืนทางไซเบอร์และเพิ่มประสิทธิภาพพร้อมด้วยการรับประกันการลดข้อมูลแบบ 4:1 ใหม่ การขับเคลื่อนด้วยซอฟต์แวร์ (software-driven) ที่มีการอัปเดตเพิ่มเข้ามาช่วยให้องค์กรต่างๆ สามารถ:

  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วยการดำเนินการจัดเก็บสตอเรจอัตโนมัติ เช่น การทำ smart provisioning แบบหลายอาร์เรย์ การเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดให้กับเวิร์กโหลด และการมอนิเตอร์สถานะของระบบตลอดจนการแก้ไขการทำงานให้ถูกต้อง
  • ย้ายข้อมูลไปยังพับบลิคคลาวด์ด้วยความรวดเร็วพร้อมการจัดส่งและกู้คืนสแนปช็อตบนคลาวด์ที่เร็วยิ่งขึ้น มาพร้อมกับความพร้อมใช้งานสูงที่ built-in มาในตัวเพื่อลด downtime และกู้คืนได้อย่างง่ายดาย และรวดเร็ว  จาก object storage บนคลาวด์
  • สัมผัสประสบการณ์ประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าด้วยเวลาตอบสนองที่ดีขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ในสภาพแวดล้อมแอปพลิเคชันและเมนเฟรมที่ต้องการประสิทธิภาพสูงใน PowerMax ที่อยู่บนใช้ NVMe ใหม่สองรุ่น สำหรับลูกค้าที่มี option  Anytime Upgrade  สามารถใช้ฟังก์ชั่น non-disruptive upgrades เพื่อช่วยให้การ upgrade ไปยังโมเดลใหม่ได้สะดวก และราบรื่นขึ้นด้วย

Project Alpine เป็นโครงการร่วมมือพัฒนาระหว่าง Snowflake และ Dell Technologies ในการเพิ่มความสามารถให้ซอฟต์แวร์ระบบจัดเก็บข้อมูลรุ่นใหม่ สามารถเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยน ย้าย ปรับเปลี่ยนและบริหารจัดการข้อมูลทั้งหมดที่มีไปยังคลาวด์ได้พร้อมกันหลายๆ ที่ ในแบบที่เรียกว่าเป็นความสามารถพื้นฐาน โดยตัวช่วยใหม่นี้สามารถเชื่อมต่อบริการคลาวด์แบบ Multi-Cloud บนซอฟต์แวร์ระบบสตอเรจใหม่ของ Dell ได้ทันที รองรับการทำงานร่วมกับทั้ง AWS, Microsoft Azure และ Google Cloud

“ทั้งหมดที่เปิดตัวในวันนี้ Dell เองนอกจากจะพัฒนาโซลูชั่นใหม่เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแล้ว ยังมองไปที่เรื่องของการหาแนวทางและวิธีใหม่ๆ เพื่อที่จะให้ลูกค้าได้ปรับตัวให้พร้อมรับกับสิ่งใหม่ๆ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้นโดยไม่มีใครคาดคิดได้ การทำให้ระบบสตอเรจฉลาดขึ้น ดูแลการทำงานได้ด้วยตัวเองและมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเก่านั้น จะช่วยให้ทั้งองค์กรนั้นเพิ่มประสิทธิภาพในการพัฒนาและเพิ่มมูลค่าให้กับการทำธุรกิจได้มากขึ้น อย่างที่เห็นชัดที่สุดคือในส่วนของแผนกไอทีเมื่อสามารถตัดภาระในการดูแลระบบสตอเรจให้สามารถดูแลจัดการแบบอัตโนมัติ จะช่วยให้เกิดช่วงว่างของเวลาและทรัพยากรบุคคลที่ฝ่ายไอทีนั้นสามารถนำไปจัดการกับงานด้านอื่นๆ ลดได้ทั้งทรัพยากรบุคคลและการลงทุนไปได้ และอีกมุมมองที่ได้ก็คือเป็นการปรับให้ระบบที่มีอยู่นั้นทันสมัยพร้อมกับการปรับกระบวนการสู่โลกของดิจิทัล ได้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น” นพดล ทิ้งท้าย

 

Related Articles