Gartner เลือกหยิบเทคโนโลยีอย่าง ระบบไร้สาย AI ซูเปอร์แอป และความยั่งยืน ให้เป็นเทรนด์เทคโนโลยี ที่ต้องรู้ในปี 2023 (10 Tech Trends you need to know for 2023)
บางครั้งผู้บริหารไอทีมักมองข้ามเรื่องต้นทุนที่ต้องประหยัด เพราะมัวแต่มองหาความเป็นเลิศในการใช้งาน และพยายามหาเทคโนโลยีที่ให้ความยืดหยุ่น ในสเกลธุรกิจที่ต้องการ มีความเฉพาะทางตามอุตสาหกรรมที่ทำอยู่ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่วาดหวัง
ในงาน IT Symposium and Expo 2022 ที่จัดโดย Gartner มีการพูดถึง 10 เทคโนโลยี เทรนด์ที่คุณต้องรู้ไว้สำหรับปี 2023 จะมีอะไรบ้าง ลองมาดูกัน
10 Tech Trends you need to know for 2023
ในทุกๆ ปี Gartner องค์กรด้านการสำรวจวิจัยทางการตลาด โดยเฉพาะทางด้านตลาดไอทีและเกี่ยวข้อง จะออกผลสำรวจประจำปีและมีการจัดอันดับทั้งเรื่องของแนวโน้มและพยากรณ์การเติบโตในภาคส่วนต่างๆ ในส่วนของเทคโนโลยีสารสนเทศ หนึ่งในนั้นก็จะเป็นการมองไปในปีถัดไปว่า เทคโนโลยีใดจะเข้ามาเป็นเทรนด์หรือกระแสสำคัญสำหรับการนำมาใช้ภายในองค์กร
5G WiFi 6 และ WiFi 7
เทคโนโลยีไร้สายคือตัวจริงในกระแส และจะเป็นการผสมผสานการใช้งานระบบไร้สายในหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น WiFi ในออฟฟิศที่รองรับการใช้อุปกรณ์พกพา ด้วยรูปแบบการเชื่อมต่อที่ใช้พลังงานน้อยลงรวมถึงนำคลื่นความถี่มาใช้มากขึ้น ซึ่ง Gartner เองก็เคยคาดการณ์ว่าในปี 2025 จะมีองค์กรมากถึง 60% ที่นำเทคโนโลยีไร้สายมากกว่า 5 แบบมาผสมผสานการใช้งานในธุรกิจ ทั้ง 4G, 5G, LTE, WIFI 5, 6 และ 7 เพื่อช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และใช้พลังงานต่ำตามเครือข่ายรุ่นใหม่ จึงเป็นการสร้างมูลค่าโดยตรงให้กับธุรกิจ เพราะเป็นข้อมูลที่นำไปวิเคราะห์ต่อยอดได้อย่างดี
กระแสนิยมของ Superapps
เทรนด์ปีหน้าชี้ว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ จะหันมาใช้แพลตฟอร์มแบบใหม่ ที่รวมคุณสมบัติการทำงานของแอปฯ และบริการต่างๆ ครบจบอยู่ในที่เดียวกัน ที่เรียกกันว่า Superapps
เหตุที่ Superapps กลายเป็นกระแสข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ น่าจะมาจากการที่ Elon Musk พูดไว้ก่อนซื้อ Twitter ว่าตัวเขาเองต้องการเปลี่ยน Twitter ให้กลายเป็นสุดยอด Superapp ยืนหนึ่งในอเมริกาเหนือ โดยที่ก่อนหน้านี้ความนิยมในตัวแพลตฟอร์มแบบนี้ก็เคยเกิดขึ้นแล้วในทวีปเอเชีย เช่น Wechat, AliPay และ Gojek
ส่วนในประเทศไทยนั้นก็ไม่ต่างกัน ผู้ให้บริการอย่าง Shopee ก็เพิ่มบริการเสริมจากที่เคยเป็นแค่แหล่งซื้อสินค้าออนไลน์ ก็ขยับขยายด้วยการเพิ่มบริการส่งอาหารและกระเป๋าเงินออนไลน์เข้ามาด้วย ซึ่งรายที่เห็นชัดว่าเริ่มก่อนก็คือ Line ที่เปิดทั้งบริการด้านการเงิน กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ ร้านค้าออนไลน์ บริการส่งอาหารแทบจะครบวงจรทีเดียว
แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะด้าน
จะมีการเกิดของแพลตฟอร์มคลาวด์เฉพาะด้านในอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่ให้บริการ Software as-a-service (SaaS), Platform as-a-service (PaaS) และ Infrastructure as-a-service (IaaS) ซึ่งสามารถรองรับอุตสาหกรรมเฉพาะทางได้ โดยให้บริการในลักษณะโมดูล ซึ่งจะช่วยสร้างความแตกต่างของธุรกิจยุคดิจิทัลได้ เพราะให้นวัตกรรม ทำให้คล่องตัว และช่วยลดเวลาในการนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ตลาด โดย Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2027 องค์กรกว่า 50% จะใช้แพลตฟอร์มคลาวด์สำหรับอุตสาหกรรมเพื่อสร้างแนวทางธุรกิจใหม่ขึ้น
ปัญญาประดิษฐ์ที่ทำงานได้เอง
AI จะกลายเป็นเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์ที่ใครๆ ก็อยากใช้ แต่หลังจากนี้เราจะได้เห็นเทรนด์ใหม่ คือ AI ที่สามารถปรับการทำงานได้เอง จากการฝึกฝนเองอย่างต่อเนื่องตามกลไกอัจฉริยะภายในระบบและการเรียนรู้โดยอิงจากข้อมูลใหม่ เพื่อปรับให้เข้ากับสถานการณ์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นจริงได้อย่างรวดเร็ว ตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงได้แบบเรียลไทม์ โดยอาศัยสิ่งที่ระบบเรียนรู้เพิ่มและปรับเปลี่ยนเป้าหมายการทำงานให้สอดคล้องตลอดเวลา
ระบบจัดการความเสี่ยง ความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของ AI
มีหลายองค์กรที่ยังไม่พร้อมรับมือเรื่องความเสี่ยงของ AI และอีกหลายองค์กรต้องเสริมความสามารถใหม่เข้าไปเพื่อให้แน่ใจเรื่องเสถียรภาพ ความปลอดภัยและเชื่อถือได้ ที่สำคัญคือสามารถปกป้องข้อมูลของระบบ ด้วยการอัพเดตระบบบริหารจัดการความเชื่อถือ ประเมินความเสี่ยงและระบบรักษาความปลอดภัยให้กับ AI ซึ่งแต่ละหน่วยธุรกิจต้องทำงานประสานในการติดตั้งระบบใหม่นี้ โดยองค์กรที่บริหารจัดการเรื่องเหล่านี้ได้ดี จะได้ผลลัพธ์ที่ดีจากการใช้ AI
รับรู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้
ความสามารถในการรับรู้ข้อมูล อย่างข้อมูลในระบบดิจิทัลที่เกิดจากกระบวนทำงาน เช่น การบันทึก การติดตาม การใช้ API และเวลาที่ใช้ในขั้นตอนต่างๆ รวมถึงข้อมูลที่มีการดาวน์โหลดมา หรือโยกย้ายไป ข้อมูลเหล่านี้เกิดขึ้นเมื่อมีการดำเนินการในส่วนต่างๆ การที่สามารถมองเห็นเรื่องเหล่านี้ ช่วยสร้างข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน เพราะสามารถนำข้อมูลที่เหมาะสม มาใช้ในเวลาที่เหมาะเจาะ ถือเป็นการใช้งานข้อมูลเชิงกลยุทธ์เพื่อช่วยสนับสนุนการตัดสินใจได้เร็ว โดยเป็นข้อมูลจาก โครงสร้างพื้นฐาน แอพพลิเคชัน และระบบดำเนินการภายในองค์กร เหล่านี้ล้วนมีข้อมูลมากมายที่เชื่อมต่อกันอยู่หลายระบบ
การวางวิศวกรรมของแพลตฟอร์ม
การวางวิศวกรรมด้านแพลตฟอร์ม คือกระบวนการพัฒนาและดำเนินการด้านแพลตฟอร์มเองภายในองค์กร บริหารจัดการซอฟต์แวร์เองทั้งหมด Gartner คาดการณ์ว่าภายในปี 2026 จะมี 80% ขององค์กรที่จัดตั้งทีมงานเพื่อทำเรื่องนี้เอง โดย 75% จะรวมถึงพวกเว็บท่าที่นักพัฒนาดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหมายรวมถึงเรื่ององค์ประกอบที่นำมาใช้ซ้ำได้ รวมถึงพวกเครื่องมือและโมดูลอื่นๆ
ระบบภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล
สิ่งนี้เสมือนเป็นโร๊ดแมปสำหรับ CIO ในการหาแนวทางใหม่ให้ทีมงานใช้สร้างคุณค่าให้ธุรกิจในระดับสูง ลดความเสี่ยงและเพิ่มความพึงพอใจให้กับลูกค้า Gartner ชี้ว่า ระบบภูมิคุ้มกันทางดิจิทัล นี้จะเป็นการผสานมุมมองเชิงลึกที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล ผ่านการทดสอบอย่างจริงจังด้วยระบบอัตโนมัติ เมื่อเกิดเหตุการณ์สามารถแก้ไขปัญหาได้โดยอัตโนมัติ มีการพัฒนาซอฟต์แวร์ตามกระบวนการด้านไอทีขององค์กร แถมยังต้องมีความปลอดภัยในการใช้งานร่วมกับซัพพลายเชนหรือคู่ค้าอื่นๆ เพื่อเพิ่มเสถียรภาพและความยืดหยุ่นในระบบ โดยคาดการณ์ว่าภายในปี 2025 จะมีองค์กรถึง 80% หันมาลงทุนในเรื่องนี้ เพื่อลดดาวน์ไทม์ของระบบ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้ให้กับธุรกิจโดยตรง
ความยั่งยืน
“ความยั่งยืน” คือเทรนด์ด้านเทคโนโลยีเชิงกลยุทธ์สำหรับปี 2023 เพราะบรรดาซีอีโอ ต่างบอกว่าการเปลี่ยนแปลงด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม คือหนึ่งในสามอันดับแรกที่เป็นเรื่องสำคัญยิ่งรองจากเรื่องรายได้และผลกำไร ที่องค์กรต้องลงทุนในนวัตกรรมที่ช่วยตอบโจทย์เรื่องของสภาพแวดล้อม สังคมและบรรษัทภิบาล (ESG) ให้ได้ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืน
Metaverse
สิ่งที่หลายคนอยากเห็นมากคือ Metaverse แม้จะยังไม่ถึงกับแพร่หลาย แต่ก็ดูมีแนวโน้มให้คาดหวัง ซึ่งจะไม่ยึดติดอยู่กับตัวอุปกรณ์และไม่มีใครถือครองเป็นเจ้าของอยู่เพียงรายเดียว โดยที่หากเกิดขึ้นจริงมันจะคือระบบเศรษฐกิจเสมือนที่มีสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ในรูปแบบของ NFT เป็นของตัวเอง จากการคาดการณ์ของ Gartner ระบุว่า ภายในปี 2027 องค์กรธุรกิจทั่วโลกกว่า 40% จะเกิดโครงการที่ผสมผสาน Web3, AR บนคลาวด์ และข้อมูลฝาแฝดบนโลกดิจิทัล มาใช้เพื่อเพิ่มรายได้ของธุรกิจ
แนวโน้มเรื่องนี้ ยังเห็นได้ในวงการโทรคมนาคมเช่นกัน เพราะในงาน Global Mobile Broadband Forum 2022 ครั้งล่าสุดที่จัดขึ้นในประเทศไทย กลุ่มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลกกำลังชี้ว่า เราจะเริ่มเห็นการนำ Metaverse มาใช้งานในเชิงธุรกิจทั่วโลกในปี 2024 หรืออีกเพียง 2 ปีข้างหน้า โดยอาศัยโครงข่ายไร้สายความเร็วสูงที่เรียกว่า 5.5G
ทั้งหมดคือ 10 เทคโนโลยี ที่เป็นเทรนด์สำหรับปี 2023 ซึ่งหลายเทรนด์ อาจเป็นเรื่องที่เห็นกันมานานพอสมควร และทวีความสำคัญมากขึ้นเมื่อเราเริ่มก้าวเข้าไปใกล้ โลกดิจิทัลแห่งอนาคตมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตาม ข่าวสาร บทความ ต่างๆ ทางด้านองค์กร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ ที่นี่
