Give Me A Sci #EP3 : วิเคราะห์เจาะลึก บันทึกลับวัตถุระบุที่มาไม่ได้จาก เพนตากอน (ตอนที่ 1)

Pentagon UAP Report
Share

 

จากครั้งแรกที่ได้พูดถึง Pentagon’s UAP Report หลายคนก็อ่านไปก็นึกไปเหมือนหนัง Sci-Fi ทั่วไปที่เป็นเรื่องมโนหรืออิงหลักฐานความจริงเพียงนิดเดียว วันนี้เราเลยมาเจาะลึกของที่มากว่าจะออกมาเป็นรายงานฉบับที่ออกเผยแพร่ทั่วโลก

 

เพื่อให้การหาศึกษาด้าน UAP/UFO แนววิทยาศาสตร์ยุคใหม่ของเราได้อรรถรส เรามาทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมและบริบทของวงการความมั่นคงที่เกี่ยวเนื่องกับวงการ UAP/UFO สหรัฐคร่าวๆ กันนะครับ

Remark : UAP (Unidentified Aerial Phenomena) หมายถึงปรากฏการณ์ในการพบวัตถุบินได้ที่ไม่สามารถหาหรือยืนยันที่มาได้ โดยที่เมื่อก่อนคนส่วนใหญ่มักจะเรียกว่า UFO หรือวุตถุบินได้ แต่สำหรับในรายงานการพบวัตถุที่ไม่สามารถระบุที่มาได้ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริกาหรือ เพนตากอน นั้น จะเรียกสิ่งนี้ว่า UAP แทน

ปรับพื้นฐานความเข้าใจกันก่อน

พื้นฐานค่านิยมและความเชื่อของสังคมออกแนววิทยาศาสตร์มาก เช่น วัตถุนิยมสูง, เน้นการจดบันทึกและสืบค้นข้อมูล, ตั้งสมมติฐานแล้วพยายามพิสูจน์และต้องทดลองซ้ำได้, พร้อมท้าทายความเชื่อดั้งเดิมและไม่รู้จักคำว่า “ไม่เชื่ออย่าลบหลู่” มีหลายคนตั้งข้อสังเกตว่าหนังฝรั่งยอดนิยมมักออกแนว SciFi ที่ตัวละครเดินเข้าหาและพยายามสู้ Monster & Alien ส่วนหนังไทยยอดนิยมมักออกแนววิ่งหนีผี!

ด้วยความเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีและอาวุธอันดับ 1 ของโลก จึงมีนักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยจำนวนมากทำงานทั้งในภาคการทหารแลความมั่นคง แต่มีความพิเศษที่กลุ่มนักวิทยาศาสตร์และวิศวกรวงการทหารจำเป็นต้องปฏิบัติตามกฏหมายความมั่นคงตามเจ้าหน้าที่ความมั่นคงและทหารไปด้วย

การสาบานตนถือสัตยาบันเก็บความลับไปตลอดชีวิต (เราต้องไม่ลืมมิติด้านความภูมิใจและความรักชาติอยู่ด้วย) มีข้อกฎหมายลงโทษบุคคลที่เปิดเผยความลับด้านความมั่นคงอย่างรุนแรง เช่นกรณี Wiki Leak ที่ต้องลี้ภัยไปอยู่รัสเซีย เป็นต้น

เรื่องมันยุ่งเพราะมันคือ “ความมั่นคงระดับชาติ”

ในวงการทหารและความมั่งคง มีลักษณะการออกแบบการทำงานแบบแยกส่วนไม่ยุ่งเกี่ยวกัน ที่เรียกว่า compartmentalized เพื่อเป็นการป้องกันความลับและให้เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่รู้แค่เรื่องย่อยของตนเอง แม้จะมีอีกหลายหน่วยงานที่ต้องดูแลภาพใหญ่ขึ้นก็ยังมีการทำ compartment ซ้อนอีกหลายชั้น

แน่นอนว่าองค์กรใหญ่และซับซ้อนมากๆ อย่าง Pentagon ที่มีหน่วยงานมากมายนั้น บ่อยครั้งมีความเห็นต่างกันทั้งในระดับทีมงานและบุคคลและทำงานไม่ประสานกัน การเข้าถึงข้อมูลความลับมีระเบียบปฏิบัติและขั้นตอนที่ซับซ้อน โดยทุกระดับชั้นความลับจะมีการพิจารณาว่าบุคคลที่ต้องการข้อมูลนั้นมี “Need To Know” หรือไม่ ที่น่าสนใจคือฝ่ายความมั่นคงถือว่าประธานาธิบดีไม่มี Need To Know ทุกเรื่อง และดูเหมือนว่าประธานาธิบดีแต่ละคนอาจได้รับข้อมูลเรื่องเดียวกันที่ลึกไม่เท่ากัน!

Pentagon UAP Report ข้อมูลบางส่วนก็ถูกปฏิเสธการเปิดเผย

ในประเทศสหรัฐอเมริกามีกฎหมาย Freedom Of Information Act (FOIA) ที่ภาครัฐต้องเปิดเผยเอกสารความลับสู่สาธารณะเมื่อเวลาผ่านไป และประชาชนสามารถทำหนังสือขอสำเนาเอกสารความลับจากหน่วยงานรัฐได้ โดยหน่วยงานรัฐต้องตอบสนองคำขอของประชาชน แต่สามารถปฏิเสธการให้สำเนาเอกสารทั้งหมดหรือให้สำเนาแบบปิดแถบดำในส่วนข้อมูลที่ยังถือเป็นเรื่องความมั่นคงได้

ด้วย FOIA ทำให้ CIA ต้องเปิดเผยเอกสารจำนวนมากมายมหาศาลที่เกี่ยวข้องกับ UFO ออกสู่สาธารณะ ตามไปอ่านกันให้ตาแฉะได้ที่ รายงานฉบับนี้

ด้วยงบประมาณด้านความมั่นคงสหรัฐฯ ตกประมาณปีละ 7 แสนล้านเหรียญ โดยจะมีส่วนที่ถูกจัดสรรเป็นงบลับที่เรียกว่า Black Budget ตรวจสอบไม่ได้ประมาณ 8% ทุกปี เพื่อให้มั่นใจว่าจะรอดพ้นจากการล้วงลูกตรวจสอบของสภา และการบังคับให้เปิดเผยข้อมูลตามกฎหมาย FOIA ในอนาคต เชื่อกันว่ามีหลายๆ โครงการถูกผ่องถ่ายความลับและเทคโนโลยีไปสู่บริษัทเอกชนด้านความมั่นคงและการทหาร ซึ่งเหล่านายพลระดับสูงรายคนก็ไปทำงานในบริษัทเหล่านี้หลังเกษียณนั่นเอง

Foo Fighter ชื่อที่เหล่า Top Gun อเมริกาเรียกขาน

แม้จะมีรายงานการพบเห็น UFO กันมานานตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง (นักบินสหรัฐในยุคนั้นใช้คำเรียกว่า Foo Fighter) แต่เป็นที่ยอมรับกันว่าจุดเริ่มต้นสำคัญที่สุดเรื่อง UAP/UFO ของโลกปัจจุบันคือเหตุการณ์จานบิน (สมัยนั้นใช้คำว่า Flying Saucer) ตกที่ Roswell, New Mexico วันที่ 7 Sep 1947 ซึ่งกองทัพอากาศออกข่าวอย่างเป็นทางการว่าเก็บกู้จานบินได้ที่ Roswell หนังสือพิมพ์ตีข่าวใหญ่กันอย่างเอิกเกริก

แต่หลังจากนั้นไม่กี่ชั่วโมงก็มีการออกมาแก้ข่าวเป็นว่าที่เก็บได้เป็นแค่บอลลูนตรวจอากาศ และหลังจากนั้นท่าทีของกองทัพอากาศต่อเรื่อง UFO ก็เปลี่ยนไปทันที มีการก่อตั้งหน่วยงานด้านความลับเช่น CIA ขึ้น มีรายงานการข่มขู่ประชาชนไม่ให้พูดเรื่อง UFO โดย Men In Black!

มีความพยายามอย่างต่อเนื่องสร้างให้เรื่อง UFO เป็นเรื่องไร้สาระที่ไม่มีใครอยากยุ่ง (Stigma) แต่ด้วยหลักฐานและคำยืนยันจากเจ้าหน้าที่ในยุคนั้นหลายคนที่ออกมาสารภาพก่อนเสียชีวิตว่ากองทัพอากาศได้เก็บจานบินไว้ที่ Area 51 มีความพยายามหาทาง reverse engineer เพื่อเอาเทคโนโลยีมาสร้างอาวุธ แถมในช่วงแรกยังมี Alien รอดชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย 1 คน (ตน?)  เรื่อง Roswell Incident นี่ระดับมหากาพย์จริงๆ เล่ากันยาวครับ

Roswell on UAP Report

กระทรวงกลาโหมสเบื้องหลังเงื่อนงำ ที่ใครก็ง้างความจริงไม่ออก

เชื่อกันว่ามีความพยายามเปิดเผยเรื่อง Roswell และ UAP/UFO โดยบางหน่วยงานใน Pentagon รวมถึงประธานาธิบดีเช่น Ronald Reagan และ Bill Clinton แต่ก็ไม่สำเร็จ ดังที่เราทราบกันถึงความซับซ้อนของ Pentagon ประกอบกับเงื่อนปมที่กองทัพและหน่วยงานด้านความมั่นคงเช่น CIA ผูกมาตลอด 75 ปี โดยพร้อมทำทุกอย่างเพื่อเก็บความลับ ลือกันว่ามีตั้งแต่การข่มขู่ไปถึงการฆ่าปิดปาก!

เลยไปถึงความเชื่อแบบฝังหัวของนายพลระดับสูงใน Pentagon บางคนที่เคร่งศาสนาว่า Alien นั่นแท้จริงแล้วคือ Satan! จำเป็นต้องปกปิดเรื่องนี้ทุกวิถีทาง (ถึงจุดนี้ผู้อ่านบางท่านอาจรู้สึกว่าเว่อร์ไปมั้ย แต่ลองย้อนกลับมาบ้านเราสิครับ หลายคนยังเชื่อว่า Alien/UFO เป็นเทพเทวาที่ต้องจุดธูปกราบไหว้บูชาอยู่เลยนะครับ)

การจะแก้ปมเหล่านี้ยากมาก มีการหารือกันถึงขั้นว่าอาจต้องมีออกกฎหมายนิรโทษกรรม (ทั้งในแง่การก่ออาชญากรรมเพื่อปิดปากและเรื่องการผิดสัตยาบันเรื่องความมั่นคง) เพื่อเปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่จำนวนมากได้มีโอกาสออกมาพูดความจริง แต่ถึงปัจจุบันก็ยังไม่มีความคืบหน้าเรื่องนิรโทษกรรมสักเท่าไหร่

ความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ ทำให้ความลับเริ่มเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้มีการเปลี่ยนแปลงแตกต่างจากทุกความพยายามในอดีต ดังที่เคยเล่าให้ฟังไปในตอน EP1 โดยเริ่มมีการจับจุดได้ว่าต้องชงให้เกิดความกลัวเรื่องความมั่นคง กล่าวคือกรณี UAP/UFO ที่รัฐควรสนใจจะเป็นเฉพาะกรณีทางการทหารเท่านั้น เพราะยอมให้เป็นการล้ำน่านฟ้าเข้าเขตซ้อมรบไม่ได้เด็ดขาดแบบกรณี Tic Tac UFO

รวมถึงมีหลายครั้งที่ UAP/UFO มาลอยเหนือฐานปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์แล้วทุกระบบก็ดับไปดื้อๆ สักพักให้ตกใจเล่นแล้วเปิดให้ใหม่จึงค่อยจากไป ซึ่งกรณีนี้ถือว่ารับไม่ได้อย่างยิ่ง มีความพยายามชงคำถามว่าอาจจะเป็นเทคโนโลยีของจีนหรือรัสเซียหรือไม่ถ้าไม่ใช่แล้วจะเป็นอะไรได้บ้าง? มีความพยายามสนับสนุนการเปิดเผยข้อมูลอยู่เบื้องหลังโดยนายพลและเจ้าหน้าที่ความมั่นคงรุ่นใหม่ ประกอบกับสังคมยุค Social ที่เปิดกว้างรวดเร็วกว่าสมัยก่อนมาก

Pentagon UAP Report ทำให้เกิดรายงานออกมาอีกหลายฉบับ

โดยหลักใหญ่ใจความคือคณะทำงานศึกษารายงานจากกองทัพ โดยส่วนใหญ่เป็นกองทัพเรือระหว่างปี 2004 – 2021 ทั้งหมด 144 เคส (มี 80 เคสเป็นกรณีใช้หลายอุปกรณ์ตรวจจับจากหลายที่ยืนยันตรงกัน) สามารถอธิบายได้ว่าไม่ใช่ UAP/UFO แน่แค่ 1 เคส และตั้งข้อสมมติฐานไว้ว่าอาจเป็น 5 สิ่งนี้

  • Airborne Clutter เช่น นก balloon drone หรือแม้แต่ขยะ
  • Natural Atmospheric Phenomena คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในอากาศ
  • US Government or Industry Developmental Program คือเทคโนโลยีที่เป็นความลับของสหรัฐเอง ทั้งของรัฐและเอกชน
  • Foreign Adversary Systems คือ ระบบของประเทศศัตรู
  • Other คือ อื่นๆ (เช่น ต่างดาวรวมถึงต่างมิติ!?!) ที่จำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติม โดยมีการชี้ประเด็นให้เห็นว่าน้ำหนักน่าจะไปลงที่ Other นี่แหละ มีการอธิบายยกตัวอย่างกรณี Tic Tac UFO ที่เคลื่อนที่เร็วเหนือเสียงแต่ไม่เกิด sonic boom ไม่มีปีกไม่มีใบพัดไม่มีท่อไอพ่นใดๆ แล้วสามารถเปลี่ยนทิศทางแบบหักข้อศอก รวมถึงลงมาจากชั้นบรรยากาศมาลอยนิ่งที่เหนือผิวน้ำทะเลในเวลาแค่วินาที มีการประเมินว่าต้องเกิดแรงขนาด 600G ซึ่งไม่มีเทคโนโลยีวัสดุในโลกนี้ทนทานแรงได้ขนาดนั้น ทั้งหมดผิดหลัก Physic ที่มนุษย์รู้จักทั้งหมด ข้อ 3 และ 4 จึงไม่น่าเป็นไปได้ (มั้ง!?!)

รายงานฉบับนี้ทำให้เกิดการยอมรับอย่างเป็นทางการของรัฐบาลสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ว่า UAP/UFO มีจริง และจำเป็นต้องมีการศึกษาอย่างจริงจัง นอกจากนั้นรายงานฉบับนี้ยังมีส่วนภาคผนวกที่เป็นความลับที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะอยู่ด้วย แต่ก็มีคนอาศัยช่อง FOIA ไปขอสำเนาภาคผนวกดังกล่าวออกมาจนได้ แม้จะมีหลายส่วนที่ถูกป้ายดำเพราะถือเป็นความลับ ในตอนหน้าผมจะพาท่านไปเจาะความลับเหล่านั้นกันครับ!

โปรดติดตามตอนต่อไป …

 

สามารถย้อนอ่าน Give Me A Sci : Pentagon’s Unidentified Aerial Phenomena (UAP) Report ปฐมบทของเรื่องนี้ ได้ ที่นี่

Tong DeLom

Tong DeLom

อดีตวิศวกรคอมพิวเตอร์ ที่ปรึกษาธุรกิจ Startup และผู้บริหารบริษัทไอทีชั้นนำ ผู้เชื่อในกฏ 80/20 และมักสงสัยว่าทำไมโลกตะวันตกพบเห็น Alien/UFO 80% พบเห็นผี 20% แต่โลกตะวันออก (โดยเฉพาะประเทศไทย) ทำไมกลับกัน? ภายหลังได้หันมาสนใจศึกษาด้าน Quantum Physics, Psychology และ Spiritual ไปพร้อมๆ กันเพื่อหวังว่าจะมีเรื่องสนุกๆ มาเล่าสู่กันฟัง

Related Articles