โดย…Rabbit2themoon
เคยมั้ยที่ยามเป็นเด็กน้อยแล้วใครบางคนชี้ชวนให้ดูดาวบนท้องฟ้า…
อย่าง ดาวประกายพรึก หรือดาวศุกร์ที่สุกสกาวที่สุดบนท้องฟ้าทางทิศตะวันตกยามหัวค่ำ ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนไปทางตะวันออกในยามหัวรุ่ง
หรือกลุ่มดาวกระบวยตักน้ำ กลุ่มดาว 7 ดวง ที่สังเกตเห็นได้ง่ายที่สุดด้วยเรียงตัวกันเป็นรูปกระบวย มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า กลุ่มดาวหมีใหญ่หรือกลุ่มดาวจระเข้
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มดาวลูกไก่ ที่มักมากับเรื่องเล่าแสนเศร้า ลูกเจี๊ยบ 7 ตัวกระโดดเข้ากองไฟตามแม่แล้วไปเกิดเป็นดาว หรือกลุ่มดาว 12 ราศี นี่ก็เรียกความสนใจได้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะสายมู เป็นต้น
ไม่ใช่แค่เรื่องของจินตนาการหรือบรรยากาศโรแมนติกเพียงอย่างเดียว แต่ดวงดาวยังมีเรื่องน่ารู้ที่อยู่รายรอบอีกมากมาย เป็นเทหะวัตถุบนฟากฟ้าที่ยังประโยชน์แก่คนนับแต่โบราณกาล เช่น เพื่อการบอกทิศทาง และความเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลและสภาพดินฟ้าอากาศ
ดวงดาวนั้นดีต่อใจ ให้อะไรมากมาย…
รวมทั้งความประทับใจจากความทรงจำของเด็กน้อยยังส่งผลให้เกิดหัวกะทิระดับประเทศหลายต่อหลายคนที่เข้าไปนั่งทำงานอยู่ในองค์การนาซ่า
เวลาแห่งความสุขส่งท้ายปีอย่างนี้เชื่อว่าหลายๆ คนวางแผนเตรียมออกเดินทาง ยิ่งลมหนาวที่พัดมาเบาๆ การได้ออกไปโอบกอดธรรมชาติรับไออุ่นจากผืนดิน กางเต็นท์นอนดูดาวเป็นอีกความสุข
5 อุทยานดวงดาวที่ไม่ควรพลาด
ปัจจุบันมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ที่สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกันผลักดันเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย (Dark Sky in Thailand) ให้เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวใหม่ของนักท่องเที่ยว แหล่งท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ คู่ขนานไปกับการรณรงค์ให้สังคมตระหนักถึงมลภาวะทางแสง อุทยานแห่งชาติทั้ง 5 แห่ง ประกอบด้วย
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่
ภาพ: สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติห้วยน้ำดัง จ.เชียงใหม่ มีพื้นที่กว่า 780,000 ไร่ ครอบคลุมหลายอำเภอ มีสภาพป่าและธรรมชาติที่สมบูรณ์ ภูเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มี “จุดชมวิวดอยกิ่วลม” เป็นจุดชมพระอาทิตย์ดวงกลมๆ ค่อยๆ โผล่ขึ้นมาทักทายท่ามกลางฉากหลังดอยหลวงเชียงดาว แล้วไปนั่งชิลริมน้ำตก หรือ แช่เท้าที่น้ำพุร้อนโป่งเดือดก็ได้อีก ยังมีเส้นทางที่จะเชื่อมต่อไปเมืองปาย จ.แม่ฮ่องสอน
ความที่จุดชมดาวของที่นี่ตั้งอยู่บนความสูง 1,615 เมตรจากระดับน้ำทะเล เป็นพื้นที่ควบคุมการใช้แสงสว่างและเปิดโล่งหลายบริเวณ จึงทำให้นักท่องเที่ยวสามารถชมความสวยงามของท้องฟ้า สังเกตการณ์ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ และถ่ายภาพทางช้างเผือกที่ทอดยาวผ่านเทือกเขาดอยหลวงเชียงดาวอีกด้วย
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี
ภาพ: สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติผาแต้ม จ.อุบลราชธานี อาจจะคุ้นเคยในฐานะอุทยานประวัติศาสตร์ ที่มีภาพเขียนสีก่อนประวัติศาสตร์ เรียงรายอยู่ใต้ชะง่อนผา เป็นภาพฝ่ามือ ภาพสัตว์ ภาพคน ฯลฯ รวมทั้ง “เสาเฉลียง” ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำสายลม และแสงแดดต่อเนื่องเป็นเวลาหลายร้อยล้านปี
ที่นี่เป็นอีกแห่งที่ไม่ควรพลาด ความที่เป็นลานหินโล่งกว้าง ต้นไม้เตี้ยแคระแกรนจึงไม่บดบังทัศนวิสัย สามารถมองเห็นได้ทั่วบริเวณแบบพานอรามา ใกล้ๆ กันยังมี “น้ำตกแสงจันทร์” หรือน้ำตกลอดรู เกิดจากลำห้วยเล็กๆ บนลานหินไหลลอดผ่านหน้าผา หินที่มีลักษณะเป็นรูลงสู่เพิงผาด้านล่าง
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และอ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ
อุทยานแห่งชาติป่าหินงาม อ.เทพสถิต และอ.ซับใหญ่ จ.ชัยภูมิ ที่ได้รับคำเรียกขานว่า ราชินีอุทยานแห่งชาติในภาคอีสาน มีภูมิประเทศเป็นเนินเขาสลับซับซ้อน ระดับความสูงประมาณ 300-846 เมตรจากระดับน้ำทะเล ปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง ป่าดิบแล้ง และป่าเบญจพรรณ มีความหลากหลายของระบบนิเวศ สถานที่ดูดาวเป็นพื้นที่ลานหินโล่งกว้าง มองเห็นขอบฟ้าได้ทุกทิศทาง ไม่มีแสงสว่างรบกวน สามารถมองเห็นท้องฟ้าและกลุ่มดาวได้ชัดเจน นอนห่มสายหมอก แล้วแวะลานหินหน่อ เป็นลานกว้างที่มีเสาหินรูปทรงต่างๆ และกำแพงหินอายุกว่า 200 ล้านปี กระจัดกระจายเป็นพื้นที่กว้าง สายผจญภัยมีทางให้เดินป่าไปดูผาสุดแผ่นดิน
อุทยานแห่งชาติภูแลนคา อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ
ภาพ: สำนักอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
อุทยานแห่งชาติภูแลนคา อ.หนองบัวแดง จ.ชัยภูมิ ห่างจากตัวเมืองชัยภูมิประมาณ 40 กม. จุดไฮไลท์ เป็น “มอหินขาว” หินขนาดใหญ่ลักษณะคล้ายเสาสูง 5 เสา และยังมีหินลักษณะแปลกๆ เช่น กลุ่มหินโขลงช้าง หินต้นไทร ฯลฯ มองเห็นดาวชัดเจนในฤดูหนาว และ “จุดชมวิวผาหัวนาค” เหมาะแก่การชมพระอาทิตย์ขึ้นด้วยมุมมองแบบพานอรามา มีศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ครบครันทั้งห้องน้ำ ร้านอาหาร ร้านกาแฟ รวมทั้งร้านขายของที่ระลึก
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ
เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ ไม่เพียงเป็นสถานที่เหมาะแก่การนอนนับดาว เก็บภาพทางดาราศาสตร์ เนื่องจากเป็นพื้นที่โล่งกว้าง เงียบสงบ ไม่มีแสงสว่างรบกวนจากชุมชนใกล้เคียง ยังสามารถเฝ้าดูสัตว์ป่าน้อยใหญ่ อาทิ นกยูง เก้ง กวาง เนื้อทราย ฯลฯ ที่มาใช้พื้นที่ที่ “ทุ่งกะมัง” ที่ราบทุ่งหญ้าสีเขียวกว้างใหญ่ลักษณะคล้ายแอ่งกะละมังกลางผืนป่า รวมทั้งพันธุ์พืชหายาก อย่าง กระโถนฤาษี จำปีศรีเมืองไทย กุหลาบขาว และกล้วยไม้ต่างๆ มากมาย จึงมีผู้นิยมมากางเต๊นท์พักแรม ดูนก ดูผีเสื้อ ถ่ายภาพธรรมชาติและสัตว์ป่า
วางโปรแกรมกันให้ดีแล้วเก็บกระเป๋าไปนอนนับดาวกัน.
