คิดถึง “วันความสุขสากล” คิดถึง “จอห์น เลนนอน”
…imagine all the people
Living life in peace….
Imagine-John Lennon
…ท่วงทำนองเพลง Imagine ของจอห์น เลนนอน ผุดขึ้นมาจากห้วงความคิดทันทีที่นึกถึง “วันความสุขสากล”
…ราวกับเป็นความคุ้นชิน เป็นชุดความคิดที่เหมือนถูกฝังอยู่ในหัวทุกคราที่ได้ยินเสียงเพลงปลุกใจผ่านทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย….
วันนี้ภาพของระเบิดสุญญากาศ (Vacuum bomb) ที่รัสเซียถือเอายูเครนเป็นพื้นที่ทดลองประสิทธิภาพอาวุธสังหารชนิดใหม่ สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนทั่วโลก ด้วยอานุภาพทำลายล้าง 2 ชั้น ระเบิดครั้งแรกปล่อยกลุ่มก้อนควันหนาทึบคล้ายก้อนเมฆสีดำครอบคลุมเป็นวงกว้างแทรกซึมไปตามพื้นที่ว่าง ก่อนที่กลุ่มควันเหล่านั้นจะระเบิดขึ้นอีกครั้งส่งผลให้เกิดลูกไฟ คลื่นระเบิดขนาดใหญ่ และสุญญากาศจากการดูดออกซิเจนโดยรอบ สังหารสิ่งมีชีวิตลงทั้งหมด
ยังไม่นับระเบิดลูกปราย (Cluster munitions) ที่สามารถปล่อยระเบิดลูกเล็กๆ กระจายออกมาอีกประมาณ 300 ลูกแผ่อิทธิฤทธิ์การสังหารไปอีกกว้างไกล
กระนั้นนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการแสดงแสนยานุภาพของระเบิดสุญญากาศ ก่อนหน้านี้สหรัฐอเมริกาได้เคยทดลองใช้งานมาก่อน กับการจัดการกลุ่มอัลกออิดะห์ในอัฟกานิสถาน เนื่องจากสภาพภูมิประเทศบนเทือกเขาโทราโบรามีถ้ำน้อยใหญ่ทำให้เป้าหมายสามารถหลบเร้นจากการไล่ล่าได้ ระเบิดสุญญากาศจึงถูกนำมาตอบโจทย์ แต่ปฏิบัติการกวาดล้างครั้งนั้นไม่เป็นที่กล่าวขานกันมากนักด้วยต่างสถานการณ์ต่างบริบทของการใช้อาวุธสังหารชนิดนี้
อย่างไรก็ตาม การไล่บี้ของรัสเซียต่อยูเครนท่ามกลางการบอยคอตของคนค่อนโลกยังคงเป็นที่จับตามองอย่างใกล้ชิด ตราบใดที่ผู้ไล่ล่ายังปักธงที่การยึดครองพื้นที่ของอีกฝ่าย นักวิชาการบางคนถึงกับประเมินว่า นี่คือสงครามครั้งที่ใหญ่ที่สุดรองจากสงครามโลก
เลนนอนจึงเปรยผ่านบทเพลงว่า “…ลองจินตนาการถึงโลกที่ไม่มีการครอบครอง ทุกคนปราศจากกิเลสและตัณหา มนุษยชาติอยู่ร่วมกันอย่างสามัคคี และแบ่งปันโลกนี้ด้วยกัน….”
จะมีความที่คิดเหมือนกับเลนนอนในที่ประชุมสหประชาติที่มีมติให้ก่อตั้ง “วันความสุขสากล” (The International Day of Happiness) เมื่อ 9 ปีก่อน มากน้อยสักแค่ไหนไม่ทราบได้ จึงกำหนดให้วันที่ 20 มีนาคมของทุกปีเป็นวันความสุขสากล เพื่อให้ตระหนักถึงความสุขอันเป็นปัจจัยพื้นฐาน รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของมนุษยชาติ เรียกร้องให้แต่ละประเทศมีการผลักดันนโยบายสาธารณะเพิ่มความสุขให้แก่ประชาชนทุกคน โดยมีต้นแบบความคิดมาจากประเทศภูฏาน ที่นำเอา “ดัชนีมวลรวมความสุข” (Gross National Happiness Index : GNH) เป็นตัวชี้วัดความสำเร็จทางสังคมแทนการวัดผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ GDP
ผู้เขียนเคยตามโรงพยาบาลบ้านแพ้ว (องค์การมหาชน) ลงพื้นที่ไปให้การรักษาผ่าตัดตาต้อให้กับชาวภูฏานเมื่อหลายปีก่อน ภาพที่เห็นไม่เพียงแค่การเอื้ออาทรดูแลซึ่งกันละกันของเพื่อนบ้าน บางคนตาเป็นต้อทั้งสองข้างใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ก็ได้เพื่อนบ้านช่วยดูแลการกินการอยู่ ไปจนถึงช่วยแบกขึ้นหลังเดินลงจากเขาเพื่อพามารักษาตา
บนพื้นฐานความเชื่อว่าความรักจะเยียวยาทุกสิ่ง การมองหาความสุขใกล้ตัวไม่ใช่เรื่องยาก และเป็นเป้าหมายของการปักหมุด “วันความสุขสากล” บนหน้าปฏิทิน.