30 Secs Before Death: อย่ามองเห็นคนที่เรารัก อย่าตระหนักรู้ถึงช่วงเวลาที่ดีในชีวิตเพียงช่วงก่อนหมดลมหายใจ

Share

 

30 Secs Before Death

อย่ามองเห็นคนที่เรารัก อย่าตระหนักรู้ถึงช่วงเวลาที่ดีในชีวิตเพียงช่วงก่อนหมดลมหายใจ

 โดย พระจันทร์สีเงิน

1

คุณเคยเผชิญหน้ากับความตายมั้ย

และหากคุณได้โอกาสในการเผชิญช่วงเวลาของความเป็นและความตาย พร้อมมีรีโมทคอนโทรลที่กำหนดความตายไว้ในมือ

คุณจะเลือกกดเพื่อลบ ลืม และจบทุกอย่างลง

หรือเลือกที่จะวางรีโมทในมือ แล้วโอบกอดทุกความทรงจำที่แสนดี ทุกรอยยิ้มจากทุกช่วงเวลาของชีวิตที่ได้ใช้กับครอบครัว คนรัก เพื่อนฝูง ลูกน้อยสี่ขาแสนรัก และอื่นๆ แล้วก้าวเดินออกไป อาจจะด้วยรอยยิ้ม หรือด้วยน้ำตา เพื่อไปสู่แสงของวันใหม่

2

อาจจะช้าไปสักนิดกับการรีวิว แต่ยังอยากขอพื้นที่พูดถึงนิทรรศการที่จบไปที่มีชื่อที่อ่านแล้วสะดุดใจให้เข้าร่วม

30 Secs Before Death – the 1st immersive storytelling exhibition โดย Deadline Always Exists ที่ให้โอกาสผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เผชิญหน้ากับช่วงเวลา 30 วินาทีก่อนที่จะตาย แต่พอได้เข้าร่วมจริงๆ เรากลับคิดว่านี่คือช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับตัวเอง กับเงื่อนไขในหัวใจ ในสมองของแต่ละคนมากกว่า

ในครั้งแรกน่าจะไม่ได้ร่วมกิจกรรมนี้แล้วเพราะคิวเต็ม แต่โชคดีที่มีรอบใหม่เปิดเพิ่มขึ้น 2 วันหลังจบงาน ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ช่วงรอบเวลาของกิจกรรมเต็มเร็วมาก เพราะเป็นเวิร์คช็อปแบบ 1:1 คือ 1 คนต่อ 1 รอบของการทำกิจกรรมที่ใช้เวลา 20 นาที แม้เปิดใหม่ก็ไม่พอกับความต้องการ

นั่นหมายถึงอะไร

โดยส่วนตัว ซึ่งอาจไม่ใช่ความคิดที่ถูกต้องทั้งหมด เรามองเห็นคนเป็นจำนวนมากที่ข้างนอกนั้นที่สนใจ “ความตาย” หากแต่สิ่งที่มองหาจริงๆ แล้วน่าจะเป็น “สิ่งที่ไม่ใช่ความตาย” แต่น่าจะเป็นการทำความรู้จักกับตัวเองเพื่อหาคำตอบกับช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิตที่ถูกจำลองขึ้น เพื่อหาคำตอบที่จะกลายเป็นทั้ง “กำลังใจ” และเป็นเหตุผล “ในการมีชีวิตอยู่ต่อไป”

3

ความตายคืออะไร…

ความรู้สึกแบบไหนที่จะเจอเมื่อเผชิญหน้ากันจริงๆ..

และจริงๆ แล้ว เราอยากที่จะจับมือกับเขาแล้วจบทุกอย่างลงหรือเปล่า…

เรามาหาคำตอบในห้องมืดเล็กๆ ที่มีเก้าอี้ตั้งตรงกลาง มี screen ทั้งด้านหน้า และด้านข้างเปล่งแสงสีฟ้าเยือกเย็น

ทุกคนที่เข้ามาที่นี่มีเวลาอยู่กับตัวเอง 20 นาที

20 นาทีที่จะเห็นภาพในแต่ละช่วงเวลาของชีวิต ภาพที่เป็นความสุข ภาพที่เป็นความประทับใจ ภาพที่จับมือหรือโอบกอดใครสักคน ภาพที่กำลังหัวเราะกับความสำเร็จกับเพื่อนฝูงกับครอบครัว ภาพที่มีคุณค่า ที่มีความหมายต่อความรู้สึกที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาต่างๆ ของชีวิตที่เราเป็นคนคัดส่งเข้ามาเองกับมือ

ช่วงเวลา 20 นาทีที่ไม่ซับซ้อนแต่ให้เวลาได้คิด คนที่เดินเข้ามาที่นี่มีโจทย์ มีตะกอน มีความรู้สึกที่แตกต่างกัน ความคิดมีเป็นร้อยเป็นพัน ห้องมืดๆ กับจอรอบๆ ตัวที่แสดงภาพช่วงเวลาที่ดีของชีวิตเปรียบเสมือนแพลตฟอร์มอะไรสักอย่างที่จะค่อยชักจูงเรา ร่างภาพของสถานการณ์ต่างๆ ให้เห็น แล้วค่อยถามคำถามสำคัญ…..

“….คุณพร้อมที่จะตายหรือยัง ถ้าพร้อมให้กดคอนโทรลที่อยู่ในมือได้เลย…”

ถึงจุดนี้ หลายคนอาจคาดว่าจะมีแสง เสียง มีความหนาวเย็น หรือมีอะไรก็ได้ที่จะมาช่วย build อารมณ์ในเวลาช่วงสุดท้าย แต่จริงๆ แล้วไม่มีอะไรเลย มีเพียงความเงียบ กับรูปภาพความสุข ความสำเร็จ และคนที่รักอยู่รายล้อม

เรานั่งมองตัวคอนโทรลในมือแล้วถามตัวเองว่า พร้อมหรือยัง อยากตายหรือยัง ตายแล้วจบนะ อาจเป็นการจบจากเรื่องนี้เพื่อไปรับเล่นละครชีวิตเรื่องใหม่ ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ก็ยังไม่รู้ว่าจะไปไหน หรือจะไปเกิดเป็นอะไร

บนจอรอบๆ ภาพรอยยิ้มของแม่ที่มองมา ภาพมือที่จับกันไว้ มันกดหัวใจว่าจะทิ้งไปได้จริงๆ หรือ แล้วน้ำตาก็มาเต็ม.. เต็มทั้งหน้า เต็มทั้งใจ

แต่เพราะความอยากรู้ เลยไปต่อด้วยการกดคอนโทรลในมือ ทุกอย่างเงียบ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แล้วคำเล็กๆ ที่อ่านได้ว่า delete ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นแทนที่ภาพทีละภาพ ทีละภาพ มองเห็นคำว่า delete ส่องว่างบนหน้าจอสีดำในความมืด

เหมือนจะบอกว่า คุณตายแล้ว ทุกอย่าง ทุกความทรงจำ ทุกความรัก ทุกความสุขถูก delete หมดแล้ว delete ออกจากระบบสมอง จากความทรงจำ เหลือเพียงแต่ตัวคุณที่อยู่ในห้องมืดๆ กับตัวหนังสือ “มันเป็นวันธรรมดาๆ อีกหนึ่งวัน”

เราออกมาจากห้องที่จำลองช่วงเวลา 30 วินาทีของ life and death ด้วยน้ำตาคลอตา ก่อนจะน้ำตาไหลออกมาเต็มหน้าเมื่อมานั่งเขียนจดหมายถึงตัวเอง สารภาพว่าขนาดน้ำตามีมากขนาดนี้ ใจก็ยังไม่ยอมรับว่าช่วงเวลาสั้นๆ นั้นส่งผลมากแค่ไหน

จนเมื่อกลับบ้านและทุกอย่างตกตะกอน ต้องบอกว่าน้ำตามีมากกว่าที่คิด

4….

เพราะความตายไม่ได้ให้โอกาสเราเลือกเป็นครั้งที่สอง….

นี่คือ 30 Secs Before Death ที่มีความหมาย ไม่ว่าโจทย์ของหัวใจจะเป็นอะไร การได้หันไปมองช่วงเวลาที่มีค่าที่ผ่านมา ได้ตระหนักถึงความสุข ความทุกข์ เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้ การโอบกอดที่มาในรูปแบบต่างๆ ว่ามีความหมายแค่ไหน

ครั้งนี้โชคดีที่ยังมีโอกาสเดินกลับมาจากช่วงเวลาสุดท้ายก่อนความตาย โชคดีที่ความทรงจำ ความรัก และทุกสิ่งอย่างยังไม่ถูก delete ไปจริงๆ

ดีกว่าที่จะมาระลึกได้ในช่วงครึ่งนาทีก่อนหมดลมหายใจ…. มากมาย

“หลายๆคนคิดว่าการมองเห็นความตายจะนำไปสู่ความเศร้า หรือความรู้สึกท้อแท้ แต่ความจริงแล้วความตายก็เป็นส่วนหนึ่งของตัวเร่งให้เราออกไปใช้ชีวิต และสร้างความทรงจำเหมือนกัน พวกเรานำแก่นตรงนี้มาสร้างเป็นงานชิ้นนี้ขึ้นมาค่ะ คุณมินนี่-เมธาวจี สาระคุณ ผู้ก่อตั้ง Deadline Always Exist และ CEO ของ Inside the Sandbox เขียนตอบกลับการสัมภาษณ์ของเราที่ส่งไปถามเธอผ่าน inbox

งานนี้เป็นงานศิลปะ เป้าหมายหลักคงเป็นการจดบันทึกความคิด ความทรงจำ ณ ช่วงอายุหนึ่งของผู้สร้างเอาไว้ว่าตอนนี้เราไม่พร้อมจะตายเลย เรามีความสุขกับชีวิตมากๆ แต่อีกเป้าหมายที่มีไว้สำหรับผู้เข้าร่วมงาน คงเป็นการได้มามีโอกาสจ้องตากับความตายแล้วถามชีวิตว่ามีอะไรอีกมั้ยที่จะเสียดาย” เธอบอก

“เราเห็นชีวิตที่ไม่พร้อมจะจากไปหลายชีวิต และหวังว่าหลังจากนี้พวกเขาจะไม่ลืมประสบการณ์การเห็นนี้เลย”

คำถามสุดท้ายที่เราส่งไปถามเธอ ในฐานะของผู้ทำเวิร์คช็อป ว่าหากเป็นเธอเองที่นั่งอยู่ในห้องและต้องกดเลือกว่าจะจบทุกสิ่ง หรือไปต่อ เธอจะตัดสินใจอย่างไร

ยังไม่พร้อมค่ะ ยังมีหลายอย่างเลยที่รอให้ไปทำในชีวิต”

และเราก็ได้คำตอบเช่นเดียวกัน…. กับเธอ

ชีวิตยังคงมีความหวัง…. มีคนที่รักเราและเรารัก และยังมีอีกหลายสิ่งที่รอให้เราไปทำอยู่

 

 

Credit ภาพ: Deadline Always Exists

พระจันทร์สีเงิน

พระจันทร์สีเงิน

พระจันทร์สีเงิน นักท่องเที่ยวเชิงจิตวิญญาณ ผู้ตามหารอยเท้าและเรื่องราวระหว่างการเดินทาง ของโบราณสถาน ธรรมชาติรอบตัว และวัฒนธรรมการกินอยู่ของชุมชนต่างๆ รักการถ่ายภาพและการถ่ายทอดลมหายใจของสรรพสิ่งผ่านภาพถ่าย

Related Articles