ClouDee ผนึกกำลัง Yellow.ai เสริมแกร่งภาคธุรกิจไทย เติมเต็มประสบการณ์สื่อสารยุคดิจิทัลและการบริหารความสัมพันธ์ลูกค้า นำเสนอระบบอัตโนมัติแบบบูรณาการด้วย “โซลูชัน AI อัจฉริยะ”
ชูจิ๊กซอว์สำคัญผลักดันธุรกิจไทย ด้วยการสื่อสารผ่านเทคโนโลยีเอไอ พร้อมรับเทรนด์สมาร์ตซิตี้แห่งอนาคต
บริษัท คลาวดี เทเลคอม จำกัด หรือ คลาวดี (ClouDee) ผู้นำด้านการพัฒนาระบบและบริการแพลตฟอร์มการสื่อสารบนคลาวด์แบบบูรณาการของเมืองไทย ทั้งระบบการสื่อสารด้วยเสียง (Voice) ระบบแชทบอทสื่อสารอัตโนมัติทั้งแบบข้อความและเสียง (BOT: Chat and Voice) และระบบการติดต่อสื่อสารกับลูกค้าหลากหลายช่องทาง โดยบูรณาการทั้งช่องทางการสื่อสารออน์ไลน์ (Online) และออฟไลน์ (Offline) เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดียิ่งกว่าให้กับลูกค้า ด้วยระบบการสื่อสารที่ชาญฉลาดและไร้รอยต่อในการบริหารความสัมพันธ์กับลูกค้าแบบครบวงจร (Omnichannel CRM) อาทิ ระบบจัดการข้อความของลูกค้าทั้งหมดผ่านอินเทอร์เฟซ (ClouDee Chatter) และ ระบบเสียงตอบรับอัตโนมัติ ClouDee Visual IVR ที่ได้รับความเชื่อมั่นจากองค์กรธุรกิจชั้นนำในไทยมากกว่า 600 ราย
เดินหน้าเสริมแกร่งภาคธุรกิจไทยยุคดิจิทัล ประกาศความร่วมมือกับ เยลโล.เอไอ (Yellow.ai) แพลตฟอร์มระบบอัตโนมัติสำหรับประสบการณ์เต็มรูปแบบที่ดีที่สุดให้กับทุกฝ่าย (Total Experience หรือ TX) ชั้นนำของโลก เติมเต็มประสบการณ์สื่อสารครบวงจรเพื่อยกระดับองค์กรธุรกิจไทยสู่ผู้นำเทคโนโลยีเอไอ รับเทรนด์สมาร์ตซิตี้แห่งอนาคต นำเสนอโซลูชั่นปัญญาประดิษฐ์เพื่อการสนทนา (Conversational AI) เพื่อช่วยยกระดับประสบการณ์ลูกค้า (Customer Experience: CX) ให้สอดคล้องกับลูกค้าแต่ละราย และประสบการณ์พนักงาน (Employee Experience: EX) ให้เหมาะสมกับขนาดการดำเนินงานขององค์กร
ความร่วมมือของคลาวดีครั้งนี้ตั้งเป้าหมายสู่การเป็นผู้นำของตลาดระบบคลาวด์เพื่อการสื่อสารครบวงจรในไทย ผ่านการนำเสนอโซลูชั่นปัญญาประดิษฐ์เพื่อการสนทนา (Conversational AI) ที่ล้ำสมัยและตอบสนองได้อย่างรวดเร็วของเยลโล.เอไอ ให้แก่ลูกค้าองค์กรชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เพื่อลดระยะเวลาในการดำเนินงาน และเสริมสร้างขีดการเติบโตทางธุรกิจ ชูจุดเด่นโซลูชั่นที่ตอบโจทย์การใช้งานได้หลากหลาย ทั้งการสนับสนุนลูกค้า ฝ่ายการตลาด ฝ่ายขาย การซื้อขายผ่านช่องทางแชท (Conversational Commerce) งานทรัพยากรบุคคล และการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อธุรกิจ (ITSM) และวันนี้ธุรกิจในเมืองไทยจะได้รับประโยชน์อย่างมหาศาลจากโซลูชั่นที่ช่วยส่งเสริมปฏิสัมพันธ์ทั้งกับลูกค้าและพนักงานในองค์กร ด้วยรูปแบบการใช้งานที่สะดวก รวดเร็ว และง่ายดาย ตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล และสื่อสารได้ทันทีแบบเรียลไทม์
“ด้วยสภาวะตลาดที่มีการแข่งขันสูงขึ้นในปัจจุบัน องค์กรธุรกิจต่าง ๆ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องสร้างและนำเสนอประสบการณ์ลูกค้าได้อย่างโดดเด่นเหนือกว่าคู่แข่ง ซึ่งคลาวดีมีความพร้อมที่จะสนับสนุนองค์กรต่างๆ ให้ก้าวข้ามขีดจำกัด ด้วยเทคโนโลยีการให้บริการการสื่อสารครบวงจรผ่านระบบคลาวด์ขั้นสูง Unified Communication as a Service (UCaaS) ประสิทธิภาพสูง เราต้องการปูรากฐานการสื่อสารและการมีปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าของภาคธุรกิจให้ดียิ่งขึ้น ด้วยการจับมือกับเยลโล.เอไอ ในการนำเสนอโซลูชั่น Conversational AI ครั้งนี้จะช่วยให้คลาวดีสามารถผสานขีดความสามารถต่าง ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเข้าถึงลูกค้าได้ตรงกับความต้องการเฉพาะบุคคล ซึ่งจะมอบประสบการณ์ชั้นเยี่ยมที่เปี่ยมคุณค่าให้แก่ลูกค้าและส่งผลดีในระยะยาวต่อธุรกิจ ความร่วมมือระหว่างคลาวดีและเยลโล.เอไอ ทำให้เรามั่นใจว่าจะสามารถมอบโซลูชั่นที่ดีที่สุดในตลาดให้แก่องค์กรที่ยึดหลักลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric) เพื่อเชื่อมโยงธุรกิจต่าง ๆ ให้ใกล้ชิดกับลูกค้ามากยิ่งขึ้น” อังกุช ภาร์ดวัจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คลาวดี เทเลคอม จำกัด กล่าว
องค์กรธุรกิจชั้นนำของไทยสามารถใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มชั้นนำของเยลโล.เอไอ ในการทำงานหลากหลายรูปแบบ ผ่านเทคโนโลยีประมวลผลภาษาธรรมชาติหรือภาษามนุษย์ (Natural language processing หรือ NLP) ที่ผสานการเรียนรู้ด้วยตนเองของหน่วยประมวลผลปัญญาประดิษฐ์ผ่านการรับรู้ความต้องการในหลายปัจจัย การโต้ตอบกับผู้ใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพ และการแก้ไขปัญหาอย่างตรงจุดแบบเรียลไทม์ด้วยความแม่นยำสูงถึง 98%
“เราเล็งเห็นว่าความต้องการโซลูชั่นการสื่อสารด้วยปัญญาประดิษฐ์ที่มีความซับซ้อนในเมืองไทยกำลังเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากกระแสการเติบโตของการซื้อขายสินค้าผ่านช่องทางแชท การใช้งานสมาร์ตโฟนที่เพิ่มมากขึ้น และเป้าหมายของรัฐบาลในการสร้างเศรษฐกิจระบบดิจิทัลยุคใหม่ ทำให้ธุรกิจในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ต้องการระบบอัตโนมัติในการเข้าถึงลูกค้า ซึ่งไม่ใช่เพียงคอยสนับสนุนลูกค้าได้ทุกวันตลอด 24 ชั่วโมงเท่านั้น แต่ยังต้องช่วยเพิ่มยอดขายและประสิทธิภาพด้านการตลาดในทุกช่องทางดิจิทัลด้วย การร่วมมือกับคลาวดีครั้งนี้จึงถือเป็นก้าวสำคัญสู่การนำเสนอระบบปัญญาประดิษฐ์ที่สามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว (Dynamic AI) ให้แก่องค์กรธุรกิจของไทยทุกระดับ เพื่อการสร้างปฏิสัมพันธ์ที่ดีเยี่ยม น่าพอใจ และตอบโจทย์ลูกค้าแต่ละรายได้อย่างเหมาะสมกับขนาดการดำเนินงานขององค์กร” นีล บาร์แมน ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการเติบโตทางธุรกิจ กล่าว
ดร.ภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี กลุ่มงานโครงการพิเศษและศูนย์พัฒนาดิจิทัลและนวัตกรรม สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (DEPA) กล่าวว่า “โครงการเมืองอัจฉริยะถือเป็นส่วนหนึ่งของวิสัยทัศน์ไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อการผลักดันประเทศไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม โดยถือเป็นวาระแห่งชาติที่สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลทำหน้าที่เป็นผู้ขับเคลื่อนโดยตรง เราได้กำหนดขั้นตอนเพื่อให้เมืองต่าง ๆ ที่ได้ยื่นเรื่องกับสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลแล้วได้รับสิทธิประโยชน์จากรัฐบาลหากเมืองนั้นดำเนินงานได้ตามเกณฑ์ โดยสาระสำคัญนั้น เราต้องการส่งเสริมให้เจ้าหน้าที่ของเมืองสามารถรวบรวมข้อมูลและระบุถึงปัญหาในด้านนี้ ด้วยการรวบรวมข้อมูลผ่านเซ็นเซอร์ กล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือการเก็บข้อมูลโดยตรงจากประชาชนผ่านการโทรศัพท์ติดต่อหรือกล่องข้อความ หลังจากนั้นเราจะใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อประมวลผลความต้องการและค้นหาแนวทางแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ต่อไป โดยโปรแกรมแชทบอทจะทำหน้าที่สื่อสารกับประชาชนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อสอบถามถึงความต้องการต่าง ๆ ก่อนจะส่งต่อไปยังบุคลากรที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเทคโนโลยีดิจิทัลและโปรแกรมแชทบอทที่ก้าวล้ำ จะทำให้เราสามารถแก้ไขและรับมือกับปัญหาได้หลากหลายช่องทางมากกว่าในอดีต”
นอกจากนี้ การร่วมมือระหว่างคลาวดีกับเยลโล.เอไอยังมีการพัฒนาระบบปัญญาประดิษฐ์เพื่อการสนับสนุนลูกค้าให้กับบิทาซซ่า (Bitazza) เพื่อคอยตอบข้อซักถามของลูกค้าผ่านแอปไลน์ เว็บไซต์ และแอปพลิเคชันบนสมาร์ตโฟน ด้วยการลดปริมาณคำร้องขอผ่านระบบการบริการตนเอง จะทำให้ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถรับมือการร้องขอต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ นับตั้งแต่การสร้างบัญชีผู้ใช้งานและการปรับข้อมูลให้เป็นปัจจุบัน ขั้นตอน KYC การบริหารกระเป๋าเงินดิจิทัล ไปจนถึงการสร้างลีดผ่านการแจ้งเตือนแคมเปญที่สอดคล้องกับความสนใจของผู้ใช้งาน ระบบปัญญาประดิษฐ์ยังสนับสนุนการสร้างปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าในภาษาไทย มาลายู และอังกฤษ ทั้งยังรองรับการแชทแบบเรียลไทม์กับพนักงานเพื่อการแก้ไขปัญหาต่าง ๆ นอกจากนี้ในปัจจุบันยังมีร้านแฟชั่นชั้นนำมากมายที่ใช้ระบบปัญญาประดิษฐ์ อาทิ LYN, JELLY Bunny และ Quinn ภายใต้ Jaspal Group เพื่อการจำหน่ายสินค้าผ่านแอปไลน์และเว็บไซต์ ร่วมกับการบริหารจำหน่ายตั๋วผ่านอีเมล
ด้วยความสามารถในการรองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ทำให้ระบบปัญญาประดิษฐ์สามารถสร้างลีด ช่วยให้ลูกค้าค้นพบผลิตภัณฑ์ ส่งการแจ้งเตือนดีลข้อเสนอที่น่าสนใจ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับแฟชั่นผ่านไลฟ์แชท และตอบข้อซักถามต่าง ๆ เกี่ยวกับการสั่งซื้อ การชำระเงิน การขอคืนเงินและการคืนสินค้า และอื่น ๆ อีกมากมาย