วันที่ 19 กรกฎาคมนี้แล้วที่จะเป็นอีกวันฮอตๆ อุณหภูมิทางอารมณ์ร้อนปรอทแทบแตก วันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ครั้งที่ 2 เพื่อกำหนดเส้นทางเดินและอนาคตของประเทศไทย
ไม่เพียงบรรยากาศฟ้าหลัวของเศรษฐกิจประเทศที่ไม่เป็นประโยชน์ต่อทิศทางการลงทุน ความไม่มีเสถียรภาพอย่างแรงที่เป็นผลจากการเว้นว่างทีมบริหารประเทศตัวจริง ที่ยังมองไม่เห็นทางออก ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาผู้คนในประเทศตกอยู่ในภาวะไม่ปกติ อึดอัดคับข้อง หงุดหงิดง่าย ราวกับพร้อมปะทุทางอารมณ์ได้ทุกเมื่อ
ซึ่งหากไม่สามารถจัดการได้ ที่สุดความไม่สบายทางอารมณ์ ความโกรธ ความโมโห ความไม่ได้ดังใจ ความไม่มั่นคงทางจิตใจ จะปะทุแล้วแปรเปลี่ยนเป็นความก้าวร้าวที่จะส่งผลทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
สิ่งสำคัญคือ 1. ต้องตระหนักรู้ในตนเองเสียก่อนว่าอะไรเป็นตัวกระตุ้นความโกรธ 2. เมื่อโกรธแล้วความโกรธนั้นสามารถหายไปได้เองหรือไม่ 3. หากระงับความโกรธนั้นไม่ได้ แต่กลับทวีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ควรหาวิธีแก้ไขโดยด่วน 4. หากเกินมือจะจัดการได้เอง ให้ปรึกษานักจิตวิทยาผู้ชำนาญการเพื่อรับการแก้ไขอย่างถูกวิธี
Let! Stop Society of Hate
ในเว็บไซต์ talkspace.com แนะนำ 7 วิธีจัดการกับความโกรธ โดยอ้างอิงความเห็นจากนักจิตวิทยาผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัย Amherst รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา ดร. เจมส์ อาววิน ว่า ความโกรธสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงสู่ชีวิตที่ดีได้หากได้รับการชี้แนะอย่างถูกวิธี ดังนี้
-
สูดหายใจเข้า-ออกลึกๆ
เมื่อเราโกรธสิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือ การจัดการกับอารมณ์ตัวเองให้ได้ด้วยการควบคุมร่างกายของตัวเองก่อน วิธีง่ายๆ คือการสูดหายใจเข้าลึกๆ อย่างช้าๆ หายใจเข้าแล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออก ทำเช่นนี้เรื่อยๆ จนกว่าจะดีขึ้น
-
นับ1-10
การนับช่วยให้สมองเปลี่ยนจุดสนใจ ทำให้จิตใจสงบลงเพราะเมื่อเราโกรธเลือดจะสูบฉีด หัวใจเต้นแรง การนับช่วยให้เรามีสติ และคิดก่อนที่จะพูดหรือพิมพ์อะไรที่ไม่ดีออกไป และส่งผลเสียตามมา ถ้านับ 1-10 ยังไม่พอก็นับให้ถึง 100 ไปเลย
-
บันทึกหรือจดจำสิ่งที่รบกวนจิตใจ
พยายามหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่ทำให้เรามีอารมณ์ที่ไม่พึงประสงค์ เช่น ถ้าเสพข่าวมากเกินไป ให้ปิดทีวี หรือ วางสมาร์ทโฟนลง เลิกสนใจกับแฮชแท็กบนหน้าฟีดเสีย การทำ ‘Social Detox’ บางครั้งช่วยให้เราฟื้นฟูจากความรู้สึกแย่ๆ ที่เกิดขึ้นจากการใช้โทรศัพท์ได้ นอกจากนี้ยังมีปัจจัยอื่นๆที่มีผลต่ออารมณ์โกรธง่ายเช่น นอนไม่พอ ความเครียด ถูกรบกวนความเป็นส่วนตัว เป็นต้น
-
การใช้จินตนาการ
เมื่อโกรธให้นึกถึงสถานที่ที่สงบ เช่น ทะเล ชายหาด ทุ่งดอกไม้ ฯลฯ สร้างจินตนาการเพื่อให้จิตใจนิ่งและสงบ ควรมีสติฟังเสียงตัวเองและเสียงคนรอบข้างที่คอยเตือนสติให้ใจเย็น
-
ยับยั้งชั่งใจ
หากมีใครทำให้ไม่พอใจเราควรสงบสติอารมณ์ และพูดกลับไปด้วยดีโดยไม่ใช้อารมณ์ประชดประชัน ด่าทอและควรสื่อสารด้วยการให้เกียรติกัน
-
ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นการช่วยให้ร่างกายหลั่งสารคอร์ติซอล และสารอะดรีนาลีน รวมทั้งช่วยเพิ่มระดับเอ็นโดฟีน ที่เป็นสารแห่งความสุขให้กับร่างกาย
7.ดึงสติกลับมา
การเปลี่ยนความสนใจไปหาสิ่งอื่นแทน ในขณะที่เรารู้ตัวว่าตัวเองกำลังโกรธ ก่อนที่จะด่วนตอบโต้หรือตัดสินใจทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งลงไป ให้หยุดตัวเอง แล้วเบนความสนใจไปทำกิจกรรมอื่นแทน เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ ดูซีรีย์ รดน้ำต้นไม้ หรือทำขนม ฯลฯ จะช่วยให้เราไม่ติดหล่มทางอารมณ์ และลุกลามบานปลายจนยากจะแก้ไข เพราะการมีสตินั้นสำคัญที่สุด.
ทั้ง 7 ข้อเป็นแนวคิดเบื้องตั้นให้เราแต่ละคนสามารถดังตัวเองกลับมาได้ และที่สำคัญคือไม่นำพาตัวเองไปสู่การใช้ความรุนแรง มาร่วมกัน Stop Society of Hate กันดีกว่า
หากคุณชอบการอ่านบทความหรือเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตให้มีความสุขกายสบายใจ หรืออัพเดตความรู้รอบตัวใหม่ๆ ยังมีบทความอื่นๆ ให้ได้อ่านเพิ่มเติม ที่นี่