แม้ว่าวันนี้เราเริ่มมองเห็นแล้วว่า สถานีชาร์จไฟฟ้านั้นกำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้น แต่หลายคนก็ยังมีคำถามว่า ถ้าจะฝากชีวิตกับรถยนต์ไฟฟ้าในการเดินทางท่องเที่ยวนั้น ทำได้จริงขนาดไหนกัน..
ตัวเลขยอดการจองรถยนต์ไฟฟ้าจาก Bangkok International Motor Show 2022 รายงานอยู่ที่ 3,084 คัน (ที่มา : ผู้จัดงาน ณ วันที่ 4 เมษายน 2565 เวลา 18.00 น.) ตัวเลขนี้บอกอะไรให้เราได้เห็นบ้าง อย่างแรกเรื่องราวของรถยนต์ไฟฟ้าวันนี้ไม่ใช่ของเล่นวันหยุดของคนมีเงินอีกต่อไปแล้ว กำลังกลายเป็นยานพาหนะสำคัญที่จะเข้ามาให้เห็นในสังคมไทยมากขึ้น
สองด้วยสถานการณ์ของราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวันๆ ไม่มีทีท่าว่าจะลดลงแต่อย่างใด จากสถานการณ์โลกไม่ว่าจะเป็นรัสเซียบุกยูเครน ที่ ณ วันนี้เหมือนจะเริ่มคลี่คลาย แต่วิกฤติทางเศรษฐกิจลุกลามไปทั่วยุโรป บวกกับสถานการณ์ก่อการร้ายโจมตีคลังน้ำมันใหญ่ในเมือง Jeddah ของ ARAMCO รัฐวิสาหกิจค้าน้ำมันของรัฐบาลซาอุดิอาราเบีย เหล่านี้ล้วนทำให้ราคาน้ำมันดิบของโลกตั้งอยู่ในระดับสูงแม้สหรัฐอเมริกาจะประกาศปล่อยน้ำมันสำรองครั้งใหญ่ในรอบหลายสิบปี
ด้วยองค์ประกอบทั้งหลาย ในอุตสาหกรรมยานยนต์เองก็กำลังเชื่อแล้วว่ารถยนต์ไฟฟ้ากำลังจะเข้ามาเป็นกระแสหลักของการเลือกซื้อรถยนต์คันใหม่ต่อจากนี้ไปในช่วง 3-5 ปีนับจากนี้
เดี๋ยวก่อน!!! คุยกันก่อน
ปกติเวลาที่เราต้องเติมน้ำมัน ส่วนใหญ่แล้วใช้เวลากันอยู่ที่ไม่เกิน 10 นาที แต่กับรถยนต์ไฟฟ้านั้นต้องทำความเข้าใจก่อนว่าอย่างน้อยกับตู้ชาร์จรถไฟฟ้าที่เมืองไทยมีอยู่ ณ ตอนนี้ หากนำรถเข้าชาร์จในปริมาณที่เหมาะสมคือระหว่าง 20-80% นั้นส่วนใหญ่อยู่ที่ 30-45 นาทีเป็นอย่างน้อย
ดังนั้น ก่อนที่จะไปคุยกันเรื่องอื่นๆ ขอคุยกันเรื่องพอร์ตสำหรับการชาร์จไฟให้กับรถยนต์ไฟฟ้ากันสักหน่อยน่าจะดี เพื่อความเข้าใจที่ตรงกัน เพราะเอาเข้าจริงนอกจากความสามารถในการป้อนกระแสไฟฟ้าของตู้ชาร์จแล้ว ในรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันก็มีความสามารถในการรับกระแสการชาร์จในระดับที่ต่างกันด้วย
เรามาดูพอร์ตชาร์จของรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละคันกันก่อน ปัจจุบันนั้นมีการกำหนดให้พอร์ตสำหรับการชาร์จไฟนั้นให้เป็นไปตามที่ สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม นั่นก็คือ สำหรับการชาร์จไฟแบบธรรมดาหรือ Normal Charge โดยจะเป็นการชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ ซึ่งใช้หัวแบบ Type2 หรือที่เห็นๆ ก็คือแบบที่ติดตามบ้าน
ซึ่งมีหลายระดับของกระแสไฟฟ้าที่สามารถป้อนได้ ตั้งแต่ 7kW. ไปจนถึง 22 kW โดยความแตกต่างจะอยู่ที่ระบบไฟที่ต่อเข้าบ้านหรืออาคารนั้นเป็นแบบ 1 หรือ 3 เฟส แต่เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งตัดสินใจเลือกเครื่องชาร์จบ้านแบบ 22 kW. มาติดพร้อมกับขอเพิ่มเป็นไฟ 3 เฟส กันแบบรีบๆ บางอย่างเราควรต้องพิจารณากันให้ถี่ถ้วน เพราะรถไฟฟ้าคันนึงราคาไม่ใช่ถูกๆ
เพราะสิ่งที่ต้องดูถัดมาก็คือ ไปดูก่อนว่า รถยนต์ไฟฟ้า ที่ซื้อมานั้น สิ่งที่เรียกว่า OnBoard Charger นั้นรองรับการชาร์จที่กระแสไฟฟ้าเท่าไหร่ เพราะมันไม่ได้มีมาตรฐานกำหนดมาส่วนใหญ่นั้นขึ้นอยู่กับระดับราคาของรถที่ซื้อมาเสียส่วนใหญ่ ตัวอย่างเช่น Ora Good Cat นั้น รองรับการชาร์จผ่านตู้ชาร์จแบบ AC ได้สูงสุด 6.6 kWh นั่นแปลว่าการซื้อเครื่องชาร์จแบบ 3 เฟส 22 kW เท่ากับเป็นการสิ้นเปลืองเปล่า เพราะยังไงก็รับกระแสไฟได้เท่าที่ OnBoard รับได้อยู่ดี
ทีนี้ในเมื่อเราคุยกันว่าจะเอารถยนต์ไฟฟ้าออกไปเที่ยว ในระยะที่เกินกว่าไปกินกุ้งอยุธยาหรือนอนเล่นพัทยานี่ มันจะไปได้ไกลขนาดไหนกัน หรือขนาดที่ว่าขับรถขึ้นเชียงใหม่ได้หรือเปล่า? หรือลงใต้ได้หรือไม่?
ระบบชาร์จในสถานีชาร์จส่วนใหญ่ตอนนี้เราพูดถึงระบบการชาร์จที่เรียกว่า DC Fast Charge นั่นแปลว่าระยะเวลาในการชาร์จนั้นยังอยู่ในระยะเวลาที่คนส่วนใหญ่ยังสามารถรอได้ จากเดิมที่พวกเรานั้นเติมน้ำมันใช้เวลากันอยู่ประมาณ 10 นาที แต่ระยะเวลาในการชาร์จไฟแบบ DC Fast Charge นั้นอยู่ที่ประมาณ 30 นาทีขึ้นไปในเงื่อนไขที่ว่า การชาร์จนั้นอยู่ในระดับประมาณ 20-80%
อีกเรื่องที่ลืมไม่ได้ สำหรับพอร์ตในการชาร์จไฟฟ้าตามมาตรฐาน มอก. นั้นถูกกำหนดให้ใช้ตามมาตรฐานยุโรปคือ CCS Type2 Combo โดยที่ปัจจุบันนั้นตู้ชาร์จที่ปล่อยกระแสสุงสุดนั้นอยู่ที่ 150 kW. ซึ่งปัจจุบัน ณ สิ้นเดือนเมษายน 2565 นั้นมีเพียง 2 แบรนด์ คือ Elex by EGAT และ PEA Volta
ข้อมูลอัพเดตล่าสุด บางสถานีชาร์จที่อยู่ตามปั๊มน้ำมันของ ปตท. โดยเฉพาะเส้นทางขึ้นเหนือนั้น สถานีส่วนใหญ่จะสามารถในบริการที่ โดยที่รถไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่รองรับได้นั้นก็จะแสดงตัวเลขระดับ 135-140 kWh กันเลยทีเดียว ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าระดับที่เดินทางในระยะประมาณ 400 กิโลเมตร กลางๆ ขึ้นไปนั้น จะสามารถเติมพลังในระดับ 20-80% ได้ภายในเวลาประมาณ 45 นาที (ซึ่งตอนนี้ถือว่าเป็นระยะเวลาที่ทาง ปตท. เขากำหนดให้ชาร์จได้ฟรี ซึ่งถือใครอยากได้ปริมาณแบบเต็มถึงก็ต้องมองดูรอบๆ ด้วยนะว่ามีเพื่อนๆ รออยู่หรือเปล่า เพราะของแบบนี้แบ่งๆ กันตามมารยาทหรือความเกรงใจ ที่เป็นหนึ่งในสมบัติผู้ดี ฮ่าๆ)
ขออนุญาต ทอนเนื้อหาลงตรงนี้ไว้ก่อน ตามอ่านตอนต่อไปว่า เมื่อมุ่งมั่นพารถไฟฟ้าออกเที่ยวแล้วนั้น แผนการที่จะต้องวางไว้เพื่อไม่ต้องไป กินข้าวลิง นั้นจะเป็นอย่างไร