ในสหรัฐอเมริกา FCC กำลังถอดบทเรียนจากตอนที่เปิดตัว 5G สำหรับการเตรียมกฎสำหรับ 6G และกดดันสภาคองเกรสในเรื่องอำนาจในการประมูลคลื่นความถี่
Jessica Rosenworcel ประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสารของรัฐบาลกลางแห่งสหรัฐอเมริกา หรือ FCC ได้ออกมาให้ความเห็นว่าถึงเวลาที่จะเริ่มวางแผนสำหรับเทคโนโลยีระบบเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงยุคต่อไป แล้ว พร้อมกับระบุขั้นตอนต่างๆ ที่หน่วยงานรัฐบาลวางแผนที่จะดำเนินการเพื่อเตรียมการสำหรับมาตรฐานเครือข่ายไร้สายใหม่
แม้ว่าทุกวันนี้ยังไม่มีการตกลงเรื่องของมาตรฐานทั่วไปสำหรับนวัตกรรมทางด้านเทคนิคที่จะถูกใส่ไว้ในระบบการสื่อสารยุคต่อไปนี้ แต่ก็เห็นได้ชัดว่ามีการกำหนดเป้าหมายที่สูงสำหรับเทคโนโลยีดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการให้บริการทั้งในเรื่องของ VR AR ระบบโทรทัศน์ความละเอียดสูงและอีกหลายอย่างที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบไร้สายคาดหวังไว้
อย่างไรก็ตาม หากต้องการให้ระบบสามารถทำได้ตามเป้าหมาย ก็จำเป็นต้องมีเรื่องของการใช้คลื่นความถี่จำนวนมาก แถมประธานของ FCC ยังมีการพูดถึงเรื่องนี้ไว้ว่า ตัวองค์กรเองกำลังทำงานเพื่อระบุความถี่ที่เหมาะสมสำหรับมาตรฐานใหม่
มีการระบุย่านความถี่ 7-16GHz สำหรับเป็นย่านคลื่นความถี่หลักสำหรับยุค 6G พร้อมมีการทดลองกำหนดขนาดความกว้าง (Bandwidth) ไว้ที่ 550MHz บนแถบความถี่ 12.7-13.25GHz ที่จะเป็นชุดแถบคลื่นความถี่ใหม่ที่จะถูกนำมาใช้ในเชิงพาณิชย์
ปัจจุบัน คลื่นความถี่ระหว่าง 7GHz และ 16GHz ถูกนำมาใช้เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ มากมาย รวมถึงการใช้เป็นโครงข่ายเชื่อมโยงแบบไร้สายประจำที่ การสื่อสารการบิน สัญญาณตามตำแหน่ง และแม้แต่สัญญาณวิทยุในด้านดาราศาสตร์ ตามบันทึกของ FCC
ดังนั้น การประกาศของประธาน FCC ได้เริ่มกำหนดกฎเกณฑ์ที่ออกแบบมาเพื่อสำรวจความเป็นไปได้ของกรอบมาตรฐานในการใช้งานของดาวเทียมและสถานีภาคพื้นดิน ตามมาตรฐานปกติอยู่แล้ว
ทำให้ภาพของระบบสื่อสารยุคหน้าจะเกิดจากการรวมระหว่างสัญญาณวิทยุภาคพื้นดินเข้ากับความถี่ที่มาจากสัญญาณดาวเทียม
ความต้องการในเรื่องของแถบคลื่นความถี่ที่นำมาใช้
เรื่องของความต้องการแถบคลื่นความถี่ที่จะนำมาใช้กับระบบสื่อสารไร้สายยุคต่อไปนั้น ก็จะคล้ายกับตอนที่เริ่มวางแผนกับเครือข่าย 5G ที่ผ่านมา จากการให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญของ Gartner โดยมีการพูดถึงว่า หากต้องการทำให้เครือข่ายทำงานได้เต็มความสามารถตามที่คาดหวังกันไว้ อาจจะต้องมีการกำหนดแบนด์วิธที่กว้างถึง 3GHz ตามเอกสารล่าสุดจาก Ericsson
ด้วยระยะเวลาที่คาดการณ์สำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์ครั้งแรกในปี 2030 จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่สหรัฐฯ จะต้องระบุและวางแผนจัดสรรคลื่นความถี่ใหม่จำนวนมากสำหรับทั้งพื้นที่วงกว้างและในระดับท้องถิ่น โดยที่การจัดตำแหน่งคลื่นความถี่ล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาและนวัตกรรม และเพื่อให้พร้อมสำหรับการเปิดตัวเชิงพาณิชย์
มีหลายแง่มุมในแนวทางสาธารณะของ FCC ที่น่าสนับสนุน มุมหนึ่งความพยายามของ 5G ในยุคแรกๆ มุ่งเน้นไปที่ชุดคลื่นความถี่ในระดับ mmWave มากเกินไป ซึ่งเป็นความถี่สูงพิเศษที่ให้ช่องสัญญาณกว้างและปริมาณงานที่มีศักยภาพดีเยี่ยม แต่ทำให้ยากต่อการให้บริการครอบคลุมพื้นที่กว้าง เนื่องจากช่วงการแพร่กระจายที่จำกัด ซึ่งสร้างข้อจำกัดในการติดตั้งระบบ 5G ในอดีตที่ผ่านมา
กับระบบไร้สายยุคต่อไปนั้น FCC และ กรมควบคุมดูแลการโทรคมนาคมและข้อมูลการสื่อสารแห่งชาติ (The National Telecommunication and Information Administration: NTIA) ดูเหมือนเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่องการจัดการกับความท้าทายด้านคลื่นความถี่ 5G นั่นคือการระบุช่วงต้นของคลื่นความถี่กลางที่จะให้ความจุและความครอบคลุมเพียงพอ และหวังว่าจะสอดคล้องกับคลื่นความถี่สำหรับเครือข่ายไร้สายความเร็วสูงยุคต่อไป ในประเทศอื่นๆ
ทางประธานของ FCC ยังเรียกร้องให้สภาคองเกรสคืนอำนาจการประมูลคลื่นความถี่ของ FCC ซึ่งหมดอายุในวันที่ 9 มีนาคม โดยหากมีการคืนอำนาจดังกล่าวกลับมาสู่ FCC จะเป็นการเปลี่ยนรูปแบบของการประมูลเพิ่มเติม ซึ่งได้พิสูจน์แล้วว่าให้ทั้งค่าตอบแทนสูงสำหรับรัฐบาลและมีประสิทธิภาพสูงในการจัดสรรสเปกตรัมสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์
ณ ปัจจุบันความเคลื่อนไหวในเรื่องเทคโนโลยีระบบสื่อสารไร้สายยุคหน้า ยังคงดำเนินไปอย่างคึกคักในสหรัฐอเมริกา แต่สำหรับการกำหนดมาตรฐานกลางที่จะนำมาใช้เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกจะใช้อ้างอิงนั้นยังคงต้องรอต่อไป เพราะนอกจากกรอบกว้างๆ ที่ ITU กำหนดแล้ว ยังไม่ได้มีกำหนดเวลาอย่างชัดเจนสำหรับ Global 6G ผู้ที่สนใจอาจจะติดตามความเคลื่อนไหวได้จากผู้ผลิตระบบเครือข่ายชั้นนำรายสำคัญของโลก
เรียบเรียงจากบทความต้นเรื่อง 6G is coming sooner than you think, FCC chief Rosenworcel says NetworkWorld Online
Remark : 6G คืออะไร
คือยุคที่ระบบการสื่อสารไร้สายบนโทรศัพท์มือถือของเราจะก้าวข้ามข้อจำกัดหลายอย่างไปจากเดิม มันจะเป็นการเชื่อมต่อที่มีความเสถียร และรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เป็นการนำเอาเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligent) เข้ามาผสมผสานกับระบบอินเตอร์เน็ต และโปรแกรมที่ใช้ในอุปกรณ์สื่อสารของเราได้ ซึ่งทำให้ระบบเกิดการเรียนรู้ ปรับ
สำหรับท่านผู้อ่านที่ติดตามข่าวสารและบทความ เกี่ยวกับธุรกิจโทรคมนาคม สามารถอ่านเพิ่มเติม ที่นี่
