ส่ง 3 กลยุทธ์หลัก ผลักดันพลัสฯ สู่ผู้นำด้าน SUSTAINABLE SOCIETY มุ่งพัฒนาการดูแลโครงการที่พักอาศัยอย่างยั่งยืน

Share

 

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตการณ์ด้านสิ่งแวดล้อม พลัส พร็อพเพอร์ตี้ บริษัทผู้นำด้านบริหารจัดการที่พักอาศัยแบบครบวงจร ตระหนักถึงความสำคัญของ SUSTAINABLE SOCIETY และมุ่งมั่นที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืน โดยส่ง  3 กลยุทธ์ คือ มุ่งสร้างค่านิยมรักษ์โลก เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า และตั้งเป้าเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050

นางสาวนฤมล อาภรณ์ธนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายบริหารอาคารที่พักอาศัย พลัส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “พลัส ให้ความสำคัญกับ SUSTAINABILITY มาโดยตลอด เราเชื่อว่าการพัฒนาที่ยั่งยืน นั้นไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่เป็นความรับผิดชอบของเราทุกคน ดังนั้น พลัสฯ จึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยสร้างสมดุลระหว่างการพัฒนาธุรกิจและการรักษาสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกัน”

3 กลยุทธ์หลักของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในการขับเคลื่อนสู่ SUSTAINABLE SOCIETY สังคมยั่งยืน คือ

1. สร้างค่านิยมรักษ์โลก

ปลูกฝังจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อมให้กับองค์กร พนักงานและลูกบ้าน มีการรณรงค์ให้ความรู้ผ่านการจัดอบรมและเวิร์คช็อปที่เกี่ยวข้อง  เช่น การคัดแยกขยะให้ถูกประเภท  รวมทั้งส่งเสริมความเข้าใจหลักการ REDUCE, REUSE, RECYCLE, REPAIR และ UPCYCLE  โครงการยังมีการจัดเตรียมถังขยะแยกประเภทต่าง ๆ อย่างเพียงพอต่อการใช้งาน มุ่งเน้นการทำงานที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม  เช่น ลดการใช้กระดาษ เปลี่ยนไปใช้ QR CODE  ในการบันทึกการประชุม การทำธุรกรรมต่างๆ เป็น Cashless รวมไปถึงการเลือกใช้หลอดไฟ LED ในพื้นที่ส่วนกลาง นำระบบ Sensor ไฟเปิดปิดอัตโนมัติมาใช้ลดการใช้พลังงานที่ไม่จำเป็น รวมถึงมีการใช้พลังงานทดแทน SOLAR CELL กับไฟในสวน  มีการวางแผนการทำงานให้ประหยัดมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และมีการจัดกิจกรรมสร้างชุมชนที่ยั่งยืนร่วมกับลูกบ้าน  เช่น จัดกิจกรรมทำความสะอาด เก็บขยะ ปลูกต้นไม้ในชุมชนใกล้เคียง  เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียว ช่วยดูดซับเสียง ดูดซับฝุ่น และเพิ่มออกซิเจนให้มากขึ้น

 

2. เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า

พลัส ฯ พิจารณาคัดเลือก VENDOR ที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม ตั้งแต่การใช้ผลิตภัณฑ์ อุปกรณ์ รวมถึงวิธีการทำงานต่างๆ  VENDOR ที่ร่วมงานต้องมีความมุ่งมั่นเห็นความสำคัญด้านความยั่งยืนร่วมกัน มีการใช้วัสดุรีไซเคิลและกระบวนการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม หรือส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ถูกจัดทำเป็นโครงการ VEN DOR GREEN LIST เพื่อเป็นทางเลือกให้กับลูกค้า เช่น บริษัทล้างแอร์ที่ใช้น้ำยาแอร์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม  บริษัททำความสะอาดที่ใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากธรรมชาติ  รวมไปถึงการมองหาวิธีการหรือผลิตภัณฑ์ที่สามารถใช้งานได้ดีมีประสิทธิภาพ  และประหยัดงบประมาณ

 

3. ตั้งเป้าเป็นองค์กร Net Zero ในปี 2050

มีการร่วมมือกับองค์กรภายนอก ทั้งภาครัฐ และเอกชนในการพัฒนา ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การอบรมความรู้การจัดการน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ การใช้เครื่องมือในการควบคุม ดักจับก๊าซ การมีตัวกรอง เครื่องทำการตกตะกอน ถังทำใส รวมถึงการบำบัดแบบชีวภาพเพื่อจำกัดหรือลดระดับการปล่อยก๊าซเสียหรือของเสียให้ได้ตามมาตรฐานที่กฎหมายกำหนด  รวมถึงโครงการยังมีการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดแล้วมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้เพื่อให้เกิดประโยชน์คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อช่วยยกระดับความยั่งยืนให้เกิดขึ้น ร่วมมือกับองค์กรภายนอก  ช่วยประหยัดพลังงานต่างๆภายในโครงการที่ดูแล ตั้งเป้าองค์กรเป็น Net Zero ในปี 2050

นางสาวนฤมล  กล่าวเพิ่มเติมว่า “เรามั่นใจว่ากลยุทธ์ทั้ง 3 ด้านนี้ จะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำด้านการดูแลโครงการที่ใส่ใจเรื่อง SUSTAINABLE SOCIETY ด้วยทั้งองค์กรมีการตระหนักถึงปัญหาของสิ่งแวดล้อมร่วมกัน จึงมีการเทรนนิ่งพนักงานทุกคนให้ผ่านหลักสูตรด้าน WASTE MANAGEMENT การจัดการขยะอย่างเป็นรูปธรรม มีการจัดกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมภายในโครงการต่อเนื่องทุกไตรมาส  เพื่อการก้าวสู่กรีนคอมมูนิตี้ สร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับลูกค้า พนักงาน และชุมชนต่อไป ซึ่งในปี 2024 ในฐานะผู้บริหารจัดการที่พักอาศัยมากกว่า 400 โครงการ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะลดปริมาณขยะที่ต้องนำไปฝังกลบลง 5% จากปีที่แล้วคิดเป็นปริมาณขยะมากถึง 1,520 ตัน และสามารถคัดแยกขยะเพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ (RECYCLE) ได้มากถึง 30% ของปริมาณขยะทั้งหมด  รวมถึงมีโครงการที่ดูแลมากว่า 60% ที่เข้าร่วมกิจกรรมการประหยัดพลังงานทั้งการใช้ไฟฟ้าและน้ำลดลง  โดยตั้งเป้าลดการใช้พลังงานลง 3% อีกด้วย ”

innomatter

innomatter

ข่าวไอที นวัตกรรม พลังงาน และความยั่งยืน

Related Articles