ดีบี เชงเก้อร์ ขยายธุรกิจโลจิสติกส์ในไทยอย่างต่อเนื่อง วางแผนใช้โดรนขนส่งสินค้า พร้อมขยายบริการขนส่งทางรถไฟจากไทยสู่ยุโรป

Share

 

ดีบี เชงเก้อร์ หนึ่งในผู้นำของโลกด้านบริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรสัญชาติเยอรมัน เดินหน้าขยายธุรกิจในไทย เน้นกลยุทธ์การขนส่งที่มีความยั่งยืนมากขึ้น สอดคล้องกับหนึ่งในเป้าหมายสำคัญของการฉลองครบรอบ 150 ปีของการก่อตั้งบริษัทในปีนี้ ในประเทศไทย ดีบี เชงเก้อร์ ดำเนินธุรกิจมาแล้วเป็นเวลา 48 ปี เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2517

 

นายดีน โธป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีบี เชงเก้อร์ ประจำประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว

นายดีน โธป ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดีบี เชงเก้อร์ ประจำประเทศไทย เมียนมาร์ และลาว กล่าวว่า ”ในการขยายธุรกิจ เราได้ให้ความสำคัญกับการใช้นวัตกรรมเพื่อพัฒนาการขนส่งให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งจะช่วยยกระดับอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทยด้วย หนึ่งในนวัตกรรมที่ดีบี เชงเก้อร์ กำลังเร่งดำเนินการอย่างเต็มที่ คือการใช้โวโลโดรน (VoloDrone) โดรนขนส่งสินค้าที่ใช้พลังงานไฟฟ้าที่ไม่ปล่อยมลพิษ เพื่อขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักมากถึง 200 กิโลกรัม ได้ในระยะไกลถึง 40 กิโลเมตร บริษัทฯ คาดว่าบริการขนส่งสินค้าด้วยโวโลโดรน จะได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทยในไม่ช้านี้ และจะพลิกโฉมอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ของไทย

นอกจากนี้ ดีบี เชงเก้อร์ ประเทศไทย ยังได้ลงทุนเพื่อขยายบริการการขนส่งทางรถไฟอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การขนส่งทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและยุโรป ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า เมื่อเทียบกับการขนส่งด้วยวิธีอื่น เช่น การขนส่งทางอากาศ และการขนส่งทางบกเพียงอย่างเดียว”

“บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นบริการขนส่งข้ามพรมแดนทางบก โดยได้ทุ่มลงทุนในเรื่องของเทคโนโลยี เพื่อพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพบริการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนอย่างเต็มรูปแบบทั่วทั้งภูมิภาค ปัจจุบัน ดีบี เชงเก้อร์ มีรถบรรทุกกว่า 65 คันที่ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วประเทศในแต่ละวัน และบรรทุกสินค้าแต่ละเที่ยวได้อย่างคุ้มค่ามากที่สุด เพื่อช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและลดค่าใช้จ่ายของลูกค้าได้”

และในโอกาสฉลองครบรอบ 150 ปี ของดีบี เชงเก้อร์ นายดีน ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า “ผมมีความภาคภูมิใจเป็นอย่างมากกับความสำเร็จของ ดีบี เชงเก้อร์ ในประเทศไทย และในโอกาสฉลองครบรอบ 150 ปี ของดีบี เชงเก้อร์ ภายใต้แนวคิด “การยกระดับคุณภาพชีวิต” (“Elevating Lives”) ผมเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า โลจิสติกส์สามารถช่วยให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น และก้าวข้ามความท้าทายต่างๆ ได้ ในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด ในหลายปีที่ผ่านมา เราได้เห็นแล้วว่า ภาคโลจิสติกส์และการขนส่งรวมทั้งความสามารถในการปรับตัวนั้น มีความสำคัญมากพียงไร ผมรู้สึกขอบคุณที่เราได้มีโอกาสช่วยแก้ปัญหาคอขวดของห่วงโซ่อุปทานในประเทศไทย ยกระดับภาคโลจิสติกส์และการขนส่ง รวมทั้งลดผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วย”

Related Articles