เมื่อ UAP Report 2022 ไม่มาตามนัด! งานนี้ก็ Happy New (Slow) Disclosure Year 2023 กันละซิครับ ท่านผู้ชม
จากที่เกริ่นไว้ในตอนที่แล้วว่าภายในเดือน November 2022 พวกเราน่าจะได้เห็นรายงาน UAP Report ฉบับปี 2022 จาก Pentagon (เดิมมีกำหนดว่าควรจะออกรายงานตั้งแต่สิ้นเดือน October 2022 ด้วยซ้ำ) แต่จนถึงตอนนี้ใกล้ปีใหม่แล้วก็ยังไม่มาตามนัด ข้อมูลจากแหล่งข่าวในวงการบอกทำนองว่าอาจยังติดขั้นตอนตรวจเอกสารภายในไม่เรียบร้อย ประกอบกับเดือน December จะมีช่วงวันหยุดเยอะ จึงคาดกันว่าพวกเราน่าจะได้เห็น UAP Report 2022 ช่วงต้นปี 2023 ครับ
อย่างไรก็ตามมีข่าวอัพเดตล่าสุดที่น่าสนใจมากอีกเรื่อง คือกฎหมายอภัยโทษและให้ความคุ้มครองแก่เจ้าหน้ากับประชาชนที่ออกมาเผยข้อมูลลับที่เกี่ยวกับ UAP/UFO แก่คณะกรรมการฯ ได้โดยไม่ต้องรับโทษข้อหาทำผิดสัตยาบันหรือ NDA ที่เคยเซ็นไว้กับกองทัพรัฐบาลและบริษัทผลิตอาวุธยุทโธปกรณ์!
Happy New (Slow) Disclosure Year 2023 หมายเลข 1 เบาะแสจากเอกสารงบประมาณทางการ S.4503 ปี 2023
เมื่อวันที่ 22 November 2022 สำนักงบประมาณรัฐสภาสหรัฐฯ Congressional Budget Office (CBO) ได้ออกเอกสารงบประมาณประกอบกฎหมาย Intelligence Authorization Act ปี 2023 ให้ประชาชนสามารถดาวน์โหลดเอกสารไปศึกษากันได้ ที่นี่ และเช่นเคยโปรดสังเกต URL ของเซิร์ฟเวอร์ที่เก็บเอกสาร ซึ่งจะช่วยบ่งชี้ความน่าเชื่อถือของเอกสารดังกล่าว โดยเอกสารมีเนื้อหาน่าสนใจหลายจุดเช่น
- อนุมัติงบประมาณปี 2023 เป็นจำนวน $650 ล้านเหรียญให้ Intelligence Communication Management Account (ICMA)
- จัดตั้งระบบเก็บและรายงานข้อมูลความมั่นคงเรื่อง Unidentified Aerospace-Undersea Phenomena (UAP) สังเกตว่ารอบนี้มีการขยายความคำว่า UAP ให้รวมวัตถุลึกลับในอากาศ อวกาศ และใต้น้ำด้วย!
- ให้การคุ้มครองหรืออภัยโทษแก่เจ้าหน้าที่และประชาชน (Whistleblower) ที่จะออกมาให้ข้อมูลความลับกับคณะกรรมการฯ
- อนุญาตให้ผู้ที่เคยได้รับความเสียหายสามารถฟ้องเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลได้ ประเด็นนี้น่าติดตามมากเพราะอาจชี้ให้เห็นถึงสิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงเคยกระทำกับเจ้าหน้าที่และประชาชนของตัวเอง เพื่อปกปิดความลับที่เกี่ยวกับ UAP
ยกเลิกความผิดในบางกรณี ที่อาจทำให้เจ้าหน้าที่ทั้งของรัฐและเอกชนไม่กล้ารายงานข้อมูลเรื่อง UAP ให้กับคณะกรรมการฯ และห้ามไม่ให้ภาคเอกชนฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ (ทั้งปัจจุบันและที่เกษียณแล้ว) ผู้ออกมาให้ข้อมูลดังกล่าว ประเด็นนี้สะท้อนถึงข้อสังเกตที่เราเคยคุยกันไว้ในตอนก่อนว่าความลับด้านเทคโนโลยี Black Budget ที่ได้จาก UAP อาจถูกโยกย้ายไปสู่ภาคเอกชนเพื่อป้องกันการตรวจสอบตามปกติของภาครัฐ
ก็ต้องบอกว่า…เรามาถึงจุดนี้กันแล้วนะทุกคน! ถ้าเป็นแต่ก่อนใครมาพูดถึงเรื่อง UAP/UFO ก็ถูกหาว่าเพ้อเจอไร้สาระ (Stigma) แต่ปัจจุบันนี้มันถูกยอมรับอย่างเป็นทางการโดยรัฐบาลมหาอำนาจของโลก (ฝั่งรัสเซียก็เช่นกัน แต่เราอาจไม่มีข้อมูลให้ศึกษามากมายเป็นภาษาอังกฤษแบบฝั่งโลกเสรี) ให้บรรจุอยู่ในแผนงานด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการ
ในขณะที่ภาคประชาชนเองมีชาวอเมริกันกลุ่มใหญ่ที่เชื่อและชื่นชอบศึกษาเรื่อง UAP/UFO กันมานานแล้ว มีการจัดงานสัมมนาใหญ่ขายตั๋วกันสนุกสนานทุกปี (ถ้าเมืองไทยจัดบ้างจะมีคนยอมซื้อตั๋วมาฟังกันมั้ยนะ?!?) คนกลุ่มนี้มักชอบออกมาโจมตีกองทัพรัฐบาลว่าโกหกประชาชน ปกปิดความลับเช่น Roswell, Area51, TR3B, Secret Space Program, Men In Black, etc.
เมื่อมองไปที่บ้านเขาแล้วสะท้อนกลับมามองที่บ้านเรา ดูจะไม่มีความเป็นไปได้เลยที่จะเห็นการศึกษาและให้ความสนใจเรื่องที่เป็นวิทยาศาสตร์แนวนี้บรรจุอยู่ในแผนงานของหน่วยงานภาครัฐหรือแม้แต่กองทัพ ผมเดาว่าโอกาสพบแผนของบประมาณเพื่อจัดงานบวงสรวงบูชาเทพเทวาประจำปีของหน่วยงานอาจจะหาได้ง่ายกว่า! นี่อาจจะเป็น Collective Consciousness ของพวกเราชาวไทยก็ได้นะครับ
อีกเหตุผลใหญ่ที่ทำให้ Pentagon ต้องปกปิดเรื่อง UAP/UFO แล้ว NASA หายไปไหน?
ดูเหมือนว่ารายงานการพบเห็น UAP/UFO ทั่วโลกมีการเพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากมนุษย์คิดค้นระเบิดนิวเคลียร์สำเร็จ อีกทั้งในช่วงสงครามเย็นที่มหาอำนาจของโลกอย่างสหรัฐและรัสเซียแข่งกันพัฒนาสะสมอาวุธทำลายโลกนั้น เคยเกิดเหตุการณ์หวาดเสียวเกือบจะยิงนิวเคลียร์ล้างโลกไส่กันเป็นระยะ ๆ เช่นกรณีวิกฤติคิวบาในยุค JFK เป็นต้น
เมื่อไม่นานนี้มีการเปิดเผยข้อมูลความลับโดยเจ้าหน้าที่ทหารเกษียณอายุแล้ว ถึงประสบการณ์ตรงของตนแองจากเหตุการณ์ที่ UAP/UFO มาลอยเหนือฐานปล่อยขีปนาวุธ แล้วระบบควบคุมขีปนาวุธทั้งหมดก็ดับลงโดยพวกเขาไม่สามารถควบคุมอะไรได้เลย เมื่อทุกคนตกใจสุดขีดแล้วสักพักระบบก็กลับมาทำงานเป็นปกติได้เอง ก่อนที่ UAP/UFO นั้นจะบินจากไป ในแง่ความมั่นคงแล้วเหตุการณ์แนวนี้ถือเป็นเรื่องที่ Pentagon จะไม่มีวันยอมรับเด็ดขาด!

ผมชวนคิดนะครับ ในยุคที่สหรัฐกลัวและหวาดระแวงนิวเคลียร์คอมมิวนิสต์รัสเซียสุดขั้วเช่นนั้น สมมติว่าท่านผู้อ่านเป็นนายพลใหญ่ Pentagon กลุ่มที่มีหน้าที่ปกป้องน่านฟ้าและสั่งใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ดันเกิดเหตุการณ์ UAP/UFO บินเข้ามาแสดงแสนยานุภาพปิดระบบดังกล่าว โดยท่านไม่รู้ตัวล่วงหน้าและเครื่องบินรบที่ดีที่สุดของท่านก็ตามมันไม่ทัน
แต่นอกนั้นดูเหมือนว่า UAP/UFO เหล่านี้จะไม่เคยสร้างความเสียหายหรือมีพฤติกรรมข่มขู่และทำอันตรายมนุษย์ทั่วไป (ยกเว้นกรณีลักพาตัวมนุษย์ ซึ่งก็ถือเป็นส่วนน้อยและไม่มีหลักฐานชัดเจน) กลุ่มท่านนายพลและกองทัพรัฐบาลจะยอมรับมั้ยว่าแบบนี้ถือว่าพวกท่านไร้ความสามารถ? จะมีหน้าไปแข่งกับรัสเซียมั้ย? (นี่ยังไม่นับความซับซ้อนซ่อนเงื่อนจากเหตุการณ์ Roswell ซ้ำเข้าไปอีก!)
คิดดูแล้ว การที่กองทัพรัฐบาลในยุคนั้นจะตัดสินใจยกระดับเรื่อง UAP/UFO ให้เป็นความลับด้านความมั่นคงระดับชาติสูงสุด พร้อมสร้างกฎหมายและกระบวนการ วิธีการต่างๆ ออกมาเพื่อปกปิดความลับทุกวิถีทางทั้งในและนอกกฎหมาย ก็อาจจะฟังดูมีเหตุผลเข้าใจได้นะครับ ครั้นเมื่อถูกสังคมกดดันหนักเข้า US Air Force ก็ออกมาประกาศตั้ง Project Blue Book ที่กล่าวไว้ในตอนที่แล้ว เพื่อให้นักวิทยาศาสตร์ออกหน้าศึกษาเก็บข้อมูลโดยแอบตั้งธงไว้แล้วว่าให้สรุปว่าไม่มีอะไร ประชาชนเข้าใจผิดไปเอง
อีกประเด็นที่น่าสังเกตคือผู้คนทั่วไปอาจจะคิดว่า NASA น่าจะเป็นหน่วยงานหลักในการศึกษาเรื่อง UAP/UFO สิ? แต่ทำไมแทบไม่เห็นเคยออกตัวเรื่องนี้เลย แถมดูจะมีพฤติกรรมช่วยกองทัพด้อยค่าและปกปิดเรื่องนี้ด้วยซ้ำ ถ้าบอกว่า NASA เป็นเพียงหน่วยงานภาคประชาชนสายนักวิทยาศาสตร์และวิศวกร มีหน้าที่เพียงเพื่อสำรวจอวกาศ ไม่ใช่ให้ดูแลเรื่องคอขาดบาดตายแบบความมั่นคง และในความเป็นจริงก็มี Pentagon คอยประกบคุมอยู่เบื้องหลังอีกที โดยอ้างเหตุผลด้านความได้เปรียบทางสงครามในอวกาศและความมั่นคงอีกนั่นแหละ เมื่อประกอบเข้ากับความต้องการปกปิดเรื่อง UAP/UFO ดังกล่าวข้างต้นแล้ว เราก็คงพอจะเห็นภาพใหญ่ที่ชัดเจนขึ้น
เผยโฉมกลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังการเปิดความลับ UAP/UFO ยุคใหม่!!!
การจะคลายปมที่ตัวเองผูกไว้มานานถึง 75 ปีคงไม่ใช่เรื่องง่ายที่รัฐบาลจะทำได้ทันที (อย่าลืมความขัดแย้งทางความคิดเรื่อง UAP/UFO ภายใน Pentagon ที่เคยกล่าวถึงในตอนก่อนด้วย) แต่ช่วง 5 ปีมานี้ดูจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีมีความหวังขึ้น ในระดับที่อาจจะพอเรียกได้ว่าเป็น Paradigm Shift เลยครับ ชัดเจนที่สุดก็อย่างที่เราคุยกันมาตลอดคือการออกมายอมรับอย่างเป็นทางการ UAP/UFO มีจริงและฝั่งรัฐบาลพยายามผลักดันการศึกษาอย่างจริงจัง แม้จะมีคลื่นใต้น้ำต่อต้านมากมายเช่นเดิม

สมัย Donald Trump มีการประกาศจัดตั้ง US Space Force เมื่อวันที่ 20 December 2019 และก็ Donald Trump นี่แหละที่ได้เซ็นคำสั่งทิ้งไว้ก่อนหมดวาระ ให้ Pentagon ต้องทำรายงาน UAP Report 2021 ส่งสภา นอกจากนั้นระยะหลังเริ่มมีเหล่านักวิทยาศาสตร์ชั้นนำของโลกหลายคนเปิดตัวออกมาพูดเรื่อง UAP/UFO มากขึ้น เช่น Michio Kaku ที่ให้สัมภาษณ์ในรายการพอดแคสต์ของ Joe Rogan แนะนำให้ลองเข้าไปฟังกันดูนะครับ สรุปไว้ดีมาก
แต่เหนือสิ่งอื่นใดและเพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2023 ให้ FC คอลัมน์ Give Me a Sci ผมจึงขอถือโอกาสนี้ เผยโฉม “กลุ่มคน” ผู้ที่อยู่เบื้องหลังการผลักดัน (Slow) Disclosure ดังกล่าว ก็คือกลุ่ม To The Stars Academy Of Arts & Science ที่เปิดตัวเมื่อปี 2017 ของนาย Tom DeLonge หัวหน้าและผู้ก่อตั้งวงร็อค Blink-182 นั่นเอง!!!
สมาชิกในกลุ่ม To The Stars ต้องบอกว่าไม่ธรรมดาเลยสักคน แต่จากตอนนั้นจนถึงตอนนี้ มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นมากมายกับสมาชิกและทิศทางของกลุ่มเอง ไว้จะมาเล่าสู่กันฟังในโอกาสหน้า รับรองสนุกแน่นอนครับ …
ถือว่าเป็นของขวัญแบบเบาๆ แล้วก็นั่งรอของจริงที่กำลังจะหวังว่าจะมาแน่เร็วๆ นี้ และเพื่อให้เป็นน้ำจิ้มเล็กๆ สำหรับ Happy New (Slow) Disclosure Year 2023 ที่พวกเราก็ต้องตั้งตารอดูยกต่อไปว่าจะมีอะไร เด็ดแค่ไหน
โปรดติดตามตอนต่อไป…
สามารถติดตามอ่านซีรียส์ Give Me A Sci ย้อนหลัง ได้ ที่นี่