เติมพลังบวกให้ชีวิต สร้างสมาธิให้สมองด้วย “กลิ่น”

Aroma Therapy หรือการบับัดด้วยกลิ่น ที่อาจะเป็นเครื่องมือช่วยทำให้คนหลายคนที่มีอาการ สมาธิสั้น สามารถจัดการสมองของตัวเองได้ดีขึ้น
Share

 

ปัญหาหนึ่งที่คนในปัจจุบันมักประสบคือ การไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งใดได้นานๆ เพราะไม่มีสมาธิ

 

บางคนอาจใช้วิธีตัดขาดการสื่อสารจากโลกภายนอกเพื่อลดสิ่งเร้ารอบข้าง แต่ในความเป็นจริงยังมีอีกวิธีช่วยสร้างสมาธิและกระตุ้นให้มีความจำได้ดี โดยการใช้ “กลิ่น”

ประสาทสัมผัสทั้งห้าของมนุษย์เป็นความล้ำค่า เป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สามารถพาย้อนความทรงจำกลับไปในอดีต โดยเฉพาะประสาทการรับกลิ่น ซึ่งสัมพันธ์กับประสบการณ์และความจำ เช่น กลิ่นของดอกไม้ กลิ่นของผืนดินหลังฝนตก กลิ่นควันไม้จากการเผาไหม้ กลิ่นเปรี้ยวของมะนาว กลิ่นเย็นสดชื่นของการบูร

“กลิ่น” นอกจากช่วยสร้างสุนทรียภาพ สร้างความพึงพอใจ เพื่อการผ่อนคลาย เช่นในรูปแบบของสุคนธบำบัด หรือ Aroma Therapy ยังช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสของคนเราให้ทำงานดีขึ้น ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการจดจำ และการสร้างสมาธิ

ตัวอย่างเช่น กลิ่นของน้ำหอมหรือโคโลญบางกลิ่นที่ทำให้นึกถึงใครบางคน เช่นเดียวกับกลิ่นของกาแฟ ที่บ่อยครั้งแค่เอ่ยถึงชื่อร้านกาแฟโปรด ในสมองส่วนของความทรงจำจะผุดภาพของร้านที่มาพร้อมกับเสียงบดเมล็ดกาแฟและกลิ่นหอมๆ ของกาแฟที่อวลอยู่ในบรรยากาศ

ไม่แปลกที่หลายคนแม้ไม่ได้เสพติดในคาเฟอีน แต่หลงใหลในกลิ่นที่ได้จากกาแฟ มีงานวิจัยบางชิ้นที่กล่าวถึงการได้สัมผัสกลิ่นของกาแฟว่า แม้จะไม่ได้ดื่มก็สามารถกระตุ้นการเต้นของหัวใจได้ ทำให้คนๆ นั้นรู้สึกตื่นตัว และมีสมาธิกับกิจกรรมที่ทำอยู่ตรงหน้า

ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น…?

 

กลิ่นบำบัด หรือ Aroma Therapy ในแบบที่เหมาะกับคุณ

จอห์น เมดินา นักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง เจ้าของหนังสือ “ผู้คิดกฎทอง 12 ข้อของคนใช้สมองเป็น” (Brain Rules) เขียนถึงงานวิจัยเกี่ยวกับสมอง 12 เรื่อง หนึ่งในนั้นคือ “กลิ่น” ที่ช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัสให้ทำงานดีขึ้น ว่า

“กลิ่นมีพลังอันน่าทึ่งในการช่วยรื้อฟื้นความจำ เมื่อเราได้กลิ่นสัญญาณจะส่งผ่านไปยังสมองส่วน ธาลามัส แล้วส่งตรงไปเชื่อมต่อกับสมองส่วนควบคุมอารมณ์และทำหน้าที่หลักเกี่ยวกับความจำที่เรารู้จักกันดีในชื่อ อมิกดาลา กลิ่นจะกระตุ้นการทำงานของสมอง และทำให้ซึมซับความทรงจำที่เกี่ยวพันกับกลิ่นนั้นได้ยาวนาน”

แล้วกลิ่นแบบไหนที่มีฤทธิ์ในการสร้างสร้างสมาธิ สร้างการจดจำให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น?

“ลาเวนเดอร์” มักเป็นกลิ่นแรกที่นึกถึง ความที่คุ้นเคยอยู่บ่อยครั้งตามสปาและประดาสิ่งที่เกี่ยวเนื่อง เช่น สบู่ เทียนหอม น้ำหอมปรับอากาศ ฯลฯ ด้วยคุณสมบัติที่ช่วยผ่อนคลาย ลดความกังวลหรือความตื่นเต้นได้ โดยนักวิจัยพบว่า กลิ่นลาเวนเดอร์ทำให้คลื่นอัลฟาในสมองเพิ่มขึ้น มีผลทำให้ร่างกายรู้สึกสงบและผ่อนคลาย ซึ่งภาวะนี้จะทำให้สมองเปิดรับข้อมูลได้เต็มที่ เรียนรู้เข้าใจได้รวดเร็ว จำง่าย

เช่นเดียวกับ “โรสแมรี่” กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ของโรสแมรี่นั้น นอกจากจะใช้ในการปรุงอาหารแล้ว ยังช่วยให้สดชื่น แจ่มใส และแก้ง่วง ช่วยให้ระบบการหมุนเวียนเลือดในสมองดีขึ้น ทำให้การรับรู้และจดจำแม่นยำขึ้น

โดยนักวิจัยมหาวิทยาลัยนอร์ทัมเบรีย ประเทศสหราชอาณาจักรพบว่านักเรียนมีความจำที่ดีขึ้น 5 – 7 % เมื่อทำงานภายในห้องที่มีกลิ่นโรสแมรี เนื่องจากกลิ่นของโรสแมรี่มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของสมอง จึงช่วยเพิ่มสมาธิ เพิ่มความจำ และกระตุ้นการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้เป็นอย่างดี

ขณะที่ กลิ่นหอมสดชื่นของผลไม้ในกลุ่มซีตรัส (Citrus) ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า สดชื่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีผลวิจัยว่ากลิ่นตระกูลซีตรัสช่วยลดความเครียด อาการท้อ หมดกำลังใจ หมดไฟในการทำงานได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เพียงกลิ่นมะนาว เลมอน กลิ่นหอมของส้มก็เช่นกัน ทำให้ร่างกายผลิตสารเซโรโทนินในสมองและระบบประสาท ช่วยให้สงบสบาย เยือกเย็น และผ่อนคลาย สร้างสมาธิได้เป็นอย่างดี

อีกกลิ่นที่นิยมใช้ในแง่ของการเป็นสุคนธบำบัด และใช้กันเป็นล่ำเป็นสันในระดับอุตสาหกรรม คือกลิ่นเปปเปอร์มิ้นท์ ซึ่งครอบคลุมไปถึงการบูร และพิมเสน จะช่วยให้รู้สึกมีชีวิตชีวา กระปรี้กระเปร่า งานวิจัยของ Sense of Smell ระบุว่าน้ำมันเปปเปอร์มิ้นท์มีคุณสมบัติในการยกระดับอารมณ์ บรรเทาอาการวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า สามารถช่วยเพิ่มอารมณ์และการทำงานของจิตใจ ยังช่วยลดความเครียด ความเหนื่อยล้า และอาการหงุดหงิดได้เป็นอย่างดี

ที่น่าสนใจคือ อิทธิฤทธิ์ของกลิ่นเปเปอร์มิ้นต์ ที่มีผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง กระตุ้นการผลิตอดรีนาลีน ทำให้เราเกิดแรงฮึด มีพลังทำกิจกรรมต่างๆ มากขึ้น ช่วยเพิ่มพลังความจำในสมองได้อีกด้วย

นั่นรวมไปถึงบรรดาญาติๆ กันอย่างใบกะเพรา โหระพา ตะไคร้ ใบมะกรูด ล้วนให้ฤทธิ์ไม่ต่างกันนัก ความที่เป็นตระกูลให้น้ำมันหอมระเหยด้วยกันทั้งสิ้น อย่าง กลิ่นหอมของใบกะเพรายังมีฤทธิ์คลายความซึมเศร้า เพิ่มการไหลเวียนของเลือดในสมอง ตะไคร้ ช่วยลดความอ่อนเพลีย อาการเหนื่อยล้า ช่วยให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า ทั้งยังช่วยลดอาการซึมเศร้า ลดอาการปวดศีรษะ

 

ทั้งนี้ทั้งนั้น การจะมีสมาธิได้ สิ่งสำคัญคือ ต้องพักผ่อนอย่างเพียงพอด้วย สำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านการนอน ลองเลือกใช้กลิ่นคาโมมายล์ ดอกไม้ดอกเล็กๆ คล้ายดอกเดซี มีกลีบเล็กๆบอบบางสีขาวล้อมเกสรสีเหลืองตรงกลาง ให้กลิ่นหอมสะอาด สดชื่น ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง แจ่มใส มีสมาธิ ลดความเครียด ยังช่วยให้หลับได้ลึกและง่ายขึ้นอีกด้วย

…ชอบกลิ่นไหน จัดไป.

 

ชอบอ่านบทความเกี่ยวกับเรื่องรอบตัวแบบนี้ ยังมีเรื่องอื่นๆ ที่รอให้อ่านอยู่ ที่นี่ อีกมาก

rabbit2themoon

rabbit2themoon

คอลัมนิสต์หน้าไม่ใหม่ เคยพำนักอยู่ใต้ชายคามติชน ประจำกอง บก.นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ก่อนขยับมาเป็นผู้สื่อข่าวเซ็กชั่นประชาชื่น เขียนสัมภาษณ์บุคคล-สกู๊ปเชิงไลฟ์สไตล์-ท่องเที่ยว-อาหาร-จิปาถะ สถานะปัจจุบัน นอกจากเป็นคอลัมนิสต์ ยังเป็นนักเขียนอิสระ เขียนบทความเชิงประชาสัมพันธ์

Related Articles