สนไหม เสก “มะม่วง” เป็น “กระเป๋า” ลดขยะอาหารที่กำลังจะท่วมโลก

Share

 

หมดกังวลว่าจะกินมะม่วงไม่ทันซะทีถ้าใช้วิธีนี้ นอกจากไม่เหลือทิ้งเป็นขยะอาหาร ยังมีกระเป๋าเก๋ๆ ไว้เท่ในหน้ามะม่วงอีกต่างหาก

ทุกวันนี้ปัญหาอย่างหนึ่งที่กลายเป็นภาระให้กับโลกคือ “ขยะอาหาร” ไม่เพียงสิ้นเปลืองทรัพยากรโดยใช่เหตุ ในทางอ้อมการเน่าเสียของอาหารยังก่อให้เกิดแก๊ส เพิ่ม co2 ให้กับโลก

อย่าง “มะม่วง” ที่ปีนี้ให้ผลผลิตมากมายล้นตลาด ใครๆ ก็นำไปเป็นของฝากเพื่อนๆ และคนรู้จักจนกินกันไม่หวาดไม่ไหว ต้องแปรรูปเป็นมะม่วงกวนเป็นการถนอมอาหารไว้กินนานๆ

ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มีไอเดียดี แปรรูปมะม่วงเหลือทิ้งด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เป็นเหมือนผืนหนัง เคลือบผิวด้วยสารกันน้ำ เพิ่มความเหนียวด้วยแผ่นรองด้านหลังจากวัสดุธรรมชาติ จนมีความแข็งแรง ใช้ทดแทนหนังสัตว์ทำกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า ฯลฯ ตลอดจนเฟอร์นิเจอร์มากมาย

แน่นอนว่า กระบวนการแปรรูปมะม่วงไม่ได้ง่ายเหมือนเนรมิต ต้องใช้เวลาลองผิดลองถูก ด้วยความทุ่มเทมุ่งมั่น ทั้งวิจัยและพัฒนา ปรับปรุงคุณภาพมาเรื่อยๆ นานกว่า 10 ปี จนวันนี้ Fruitleather Rotterdam” ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกในฐานะแบรนด์ผลิตภัณฑ์หนังเทียมวีแกนจากมะม่วงเพียงหนึ่งเดียว

ทำไมต้อง “มะม่วง”?

ไอเดียของการนำ “มะม่วง” มาสร้างมูลค่าเพิ่ม ต้องบอกว่าเริ่มจากกองขยะในตลาดเมืองรอตเตอร์ดัม ที่แต่ละวันจะมีผักผลไม้ที่เน่าเสียและเหลือทิ้งเพราะขายไม่ได้ประมาณ 3,500 กิโลกรัม

เบื้องต้นปฏิบัติการแปรรูปผักผลไม้เหล่านั้นยังเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ไม่ว่าจะเป็นมะม่วง สับปะรด สตรอเบอรี่ ฯลฯ ล้วนถูกนำมาทดลองใช้เป็นวัสดุตั้งต้นของการพัฒนาผลิตภัณฑ์ โดยทีมนักออกแบบจาก Willem de Kooning Academie ใช้วิทยาศาสตร์การอาหารมาแก้โจทย์ บด-ปรุง-อบ ได้ออกมาเป็นชิ้นผลไม้แห้งคล้ายลูกกวาด

แต่นั่นก็ยังไม่เพียงพอ เนื่องจากปริมาณผักผลไม้เหลือทิ้งที่มีมากมายในทุกๆ วัน ด้วยความมุ่งมั่นจะรีไซเคิลอาหารเหลือทิ้ง เมื่อเชื่อมโยงกับเศรษฐกิจหมุนเวียน การผลิต และอุตสาหกรรมการออกแบบเข้าด้วยกัน เกิดเป็น “โอกาส” ทางธุรกิจ

ด้วยมองว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ทำลายสิ่งแวดล้อมมากที่สุดในโลก โดยก่อเกิดคาร์บอนมากถึง 10% ของการปล่อยคาร์บอนทั่วโลก

ขณะเดียวกันทุกปีมีสัตว์มากกว่าพันล้านตัวที่ถูกฆ่าเพื่อนำไปผลิตหนัง ซึ่งเฉพาะกระบวนการทำความสะอาดวัสดุเหล่านี้เพียงอย่างเดียวก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ประมาณ 650 ล้านกิโลกรัม

การแปรรูปผลไม้เหลือทิ้งให้กลายเป็นวัสดุหนังเทียมจึงตอบโจทย์ ทั้งลดขยะอาหารเหลือทิ้ง สร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นมิตรต่อสัตว์ ที่สุดเกิดเป็นโอกาสสร้างรายได้จากธุรกิจทางเลือกใหม่ขึ้น ภายใต้การทำวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์มาอย่างต่อเนื่องพบว่า ผลไม้แต่ละอย่างก็มีข้อดีข้อด้อยที่ต่างกัน และสิ่งที่เหมาะสมที่จะสร้างเป็นวัสดุเพื่อการต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์ที่สุดก็คือ “มะม่วง”

ทั้งนี้ เพื่อให้มีความคงทนมากที่สุด จึงมีการเคลือบสารกันน้ำบนพื้นผิว ทำให้วัสดุทนน้ำได้มากขึ้น รวมทั้งการใช้สารเติมแต่งจากธรรมชาติเพื่อรักษาคุณภาพของแผ่นหนัง Fruitleather วัสดุรองด้านหลังยังมาจากแหล่งธรรมชาติ โดยเลือกใช้ผ้าฝ้ายออร์แกนิก 100% ที่ผ่านการรับรองจาก Global Organic Textile Standard (GOTS) เพื่อทำหน้าที่เป็นหนังเทียมที่เหมาะแก่การผลิตเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า สิ่งของต่างๆแทนหนังสัตว์

ปัจจุบันแม้จะได้รับการยอมรับในคุณภาพของผลิตภัณฑ์ รวมทั้งความโดดเด่นในด้านการออกแบบ มีลูกค้าที่ติดต่อเป็นตัวแทนจำหน่ายเป็นจำนวนไม่น้อย Fruitleather Rotterdam ยังคงเดินสายรับเชิญบรรยายให้ความรู้พร้อมกับสร้างความตระหนักในปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม…แวะไปทำความรู้จักเพิ่มเติมกันได้ที่ https://fruitleather.nl

rabbit2themoon

rabbit2themoon

คอลัมนิสต์หน้าไม่ใหม่ เคยพำนักอยู่ใต้ชายคามติชน ประจำกอง บก.นิตยสารศิลปวัฒนธรรม ก่อนขยับมาเป็นผู้สื่อข่าวเซ็กชั่นประชาชื่น เขียนสัมภาษณ์บุคคล-สกู๊ปเชิงไลฟ์สไตล์-ท่องเที่ยว-อาหาร-จิปาถะ สถานะปัจจุบัน นอกจากเป็นคอลัมนิสต์ ยังเป็นนักเขียนอิสระ เขียนบทความเชิงประชาสัมพันธ์

Related Articles