Fortinet พร้อมประกาศยืน 1 ในประเทศไทย ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ด้วยเป้าหมายการนำ ค่านิยม ใหม่ของแบรนด์สู่ความสำเร็จ
ด้วยบทพิสูจน์ในความโดดเด่นล่าสุด 4 ด้าน คือ ด้านอัตราการเติบโต (Fast Growth) ด้านเทคโนโลยี (Technology) ศูนย์ฟอร์ติการ์ดแล็บส์ (FortiGuard Labs) ด้านการยอมรับ (Industry Recognition)
ภัคธภา ฉัตรโกเมศ ผู้จัดการประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า Fortinet เน้นย้ำความเป็นเบอร์ 1 ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ซึ่งยืนอยู่บนบทพิสูจน์อันประจักษ์ได้ การันตีด้วยรางวัลระดับโลกจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมไอทีและการเงินทั่วโลก พร้อมเผยถึงแผนการพิชิตเป้าหมายทางธุรกิจด้วยค่านิยมหลักเพื่อใช้เป็นเครื่องโน้มน้าวให้บุคคลเกิดความกระตือรือร้นในการปฏิบัติงานและมีพฤติกรรมในทางเดียวกัน
ความโดดเด่นด้านอัตราการเจริญเติบโต
- ติดอันดับ 16 ใน 100 องค์กรที่โตเร็วที่สุดของ Fortune ในปีพ.ศ. 2564 เป็นผลจากการที่ Fortinetvมีวิสัยทัศน์ในการพัฒนาธุรกิจที่ถูกต้อง และดำเนินตามแผนธุรกิจที่ตั้งไว้อย่างแข็งขัน จนกลายเป็นองค์กรที่มีอัตราการเจริญเติบโตมากที่สุด
- อยู่ในดัชนี Nasdaq-100® เมื่อวันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมา ส่งให้ฟอร์ติเน็ตเป็นบริษัทที่โดดเด่นและอยู่ในระดับแนวหน้าเดียวกับองค์กรด้านนวัตกรรมชั้นนำอื่นๆ อันสามารถกำหนดอุตสาหกรรมสมัยใหม่ได้
ด้านเทคโนโลยี
- โซลูชันการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายของ Fortinet มีการใช้งานมากที่สุด ครองอันดับ 1 ในอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยที่มีการจัดส่งไปทั่วโลกมากที่สุด วัดผลโดย IDC Worldwide Security Appliance Tracker เดือนกุมภาพันธ์ 2565
- ที่ 1 ในรายงาน 2022 Gartner® Critical Capabilities for Network Firewalls
- นวัตกรรมความปลอดภัยตัวจริง ด้วยสิทธิบัตรที่ได้รับรางวัลและที่กำลังรอดำเนินการมากกว่า 1,500 รายการ มากกว่าคู่แข่งด้านความปลอดภัยเครือข่ายในตลาดเกือบ 3 เท่า ความก้าวหน้าเหนือใครนี้ได้มาจากพื้นฐานความเชื่อและมุ่งมั่นในเรื่องการวิจัยและพัฒนาที่ต่อเนื่องมานานกว่า 20 ปีของฟอร์ติเน็ต
สำหรับแนวทางในการรุกตลาดประเทศไทยในปี 2022 นั้น Fortinet ได้ประกาศแนวทาง 3 ข้อที่จะเป็น กลยุทธ ที่สำคัญ เพื่อสู่เป้าหมาย
“นอกจากความเป็นที่ 1 ที่ยืนอยู่บนความแข็งแกร่งข้างต้นแล้ว ฟอร์ติเน็ตประเทศไทยได้กำหนดค่านิยมหลัก (Strategic value) คือ “Care, Share, Forward” อันเป็นกรอบความคิด ช่วยให้พนักงานที่ฟอร์ติเน็ตในประเทศไทยเกิดความเข้าใจ เห็นเป้าหมายที่ชัดเจนในองค์กร เกิดความร่วมมือและพลังขององค์กรในทิศทางเดียวกัน ช่วยลดความล่าช้าในการตัดสินใจในที่ทำงาน นอกจากนี้ สำหรับภายนอกองค์กรแล้ว Care, Share, Forward จะช่วยสร้างอัตลักษณ์และมาตรฐานขององค์กรให้โดดเด่นในตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ให้ชัดเจนมากขึ้น ค่านิยมหลักจะเป็นแรงขับเคลื่อนให้ฟอร์ติเน็ตเข้าถึงใจ ลูกค้าไว้วางใจได้มากขึ้น” ภัคธภา เปิดเผย
Care คือ การดูแลเอาใจใส่ ร่วมทุกข์ร่วมสุขและกังวลถึงปัญหาของลูกค้า พันธมิตร พนักงาน คู่ค้าทั้งหลาย จะนำมาปรับใช้ในประเทศไทย นอกจากนี้ มีแผนการเพิ่มจำนวนบุคลากรให้เพียงพอต่อการเข้าถึงลูกค้า และโครงการ Trusted Advisor ที่จะพัฒนาบุคลากรให้สามารถเป็น “ที่ปรึกษาทางความปลอดภัยไซเบอร์” มืออาชีพให้แก่ลูกค้า
Share หมายถึงการแบ่งปันองค์ความรู้ในด้านความปลอดภัยไซเบอร์ผ่านหลักสูตร NSE Academy ซึ่งมุ่งลดช่องว่างทักษะและสร้างผู้เชี่ยวชาญทางด้านความปลอดภัยไซเบอร์ โดยที่บุคคลทั่วไปสามารถเข้าเรียนรู้ด้วยตนเองได้ฟรี ผู้ที่อยู่ในสายอาชีพด้านไอทีสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ เพิ่มพูนความเชี่ยวชาญเพื่อสอบใบประกาศนียบัตรได้
Forward สร้างความเข้าใจของพนักงานในวัตถุประสงค์เดียวกัน หล่อหลอมความมุ่งมั่น เพื่อให้บริการอันดีเยี่ยมแก่ลูกค้าและสร้างฟอร์ติเน็ตเป็นองค์กรอันดับ 1 ในระยะยาว
ภัคธภา ได้ให้ความเห็นถึงแนวโน้มทางด้านไอทีและความปลอดภัยไซเบอร์โดยสรุปว่า ปัจจุบันทุกคนกำลังพูดถึงการทำงานจากทุกที่และการปรับเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานของระบบไอทีมาสู่คลาวด์เป็นหลัก รวมถึงการมาของเอจด์คอมพิวติ้งที่เกิดขึ้นทั่วโลก เหล่านี้ล้วนทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับการรักษาความปลอดภัยไซเบอร์ตามไปด้วย ไม่เว้นแม้กระทั่งเทคโนโลยีเกิดใหม่อย่าง IoT ที่ทุกวันนี้กลายเป็นช่องทางสำคัญที่ภัยคุกคามอาศัยในการสร้างความเสียหาย
นอกจาก 3 กลยุทธใหม่สำหรับการยึดตลาดประเทศไทยแล้วนั้น ดร. รัฐิติ์พงษ์ พุทธเจริญ จัดการอาวุโส ฝ่ายวิศวกรรมระบบได้แบ่งปันคาดการณ์ภัยคุกคามประจำปีพ.ศ. 2565 จากศูนย์ฟอร์ติการ์ดแล็บส์ไว้ดังนี้
- แรนซัมแวร์จะทำลายล้างมากขึ้น: แรนซัมแวร์จะยังคงคุกคามเหยื่อต่อไป และจะต่อยอดด้วยการรวมแรนซัมแวร์เข้ากับมัลแวร์ไซเบอร์อื่นๆ เช่น DDoS เพื่อเข้าไปหยุดการทำงานของระบบ หรือรวมกับมัลแวร์ Wiper เพื่อทำลายระบบหรือฮาร์ดแวร์ของเหยื่อ โดยหวังกระตุ้นให้เหยื่อจ่ายเงินค่าไถ่อย่างรวดเร็วมากขึ้น การรวมกันของมัลแวร์นี้สร้างความกังวลให้กับระบบใหม่ที่ให้บริการเชื่อมต่อที่เอดจ์ (Emerging edge environment) ระบบโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical infrastructure) และระบบซัพพลายเชน
- ใช้ AI เพื่อสร้าง Deep Fakes (การปลอมตัวอย่างเนียนสนิท): AI นอกจากมีประโยชน์ในการด้านตรวจสอบและจับภัยคุกคาม ในแง่ของอาชญากรก็ใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ในการหลบหลีกอัลกอริธึมที่ซับซ้อนที่ใช้ในการตรวจจับกิจกรรมที่ผิดปกติ และที่น่าวิตกมากขึ้นคือจะมีเรียนรู้และเรียนแบบกิจกรรมของมนุษย์และเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการโจมตี เช่น การปลอมการเขียนอีเมล์ด้วยวิธีการและเอกลักษณ์ของแต่ละคน รวมไปถึงการเลียนแบบเสียงและวิดีโอแบบเรียลไทม์สามารถทำให้สามารถผ่านการยืนยันตัวตนกับการวิเคราะห์โดยไบโอเมตริกซ์ได้
- ระบบที่เคยปลอดภัย ตกเป็นเป้าหมายใหม่ของการโจมตี ด้วยการนำเอาคลาวด์มาใช้ บวกกับหลายบริการและอุปกรณ์ในระบบอัตโนมัติต่างๆ ส่วนใหญ่อยู่บนพื้นบานของ Linux ทำให้การโจมตีบนระบบที่รันด้วย Linux นั้นตกเป็นเป้าหมายมากยิ่งขึ้น
- ระบบที่ติดต่อผ่านระบบดาวเทียม ก็ไม่รอด ในอนาคตจะมีอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อผ่านระบบดาวเทียมมากขึ้น อุปกรณ์อย่าง IoT ที่ไม่ได้รับการป้องกันที่ดีพอ จะตกเป็นเป้าหมายและสามารถกระจายไปอย่างรวดเร็ว
- กระเป๋าเงินคริปโต กลายเป็นเป้าที่หมายตา เพราะเงินคริปโตมีมูลค่าสูงขึ้น ทำให้อาชญากรพุ่งเป้าที่จะโจมตีเพื่อที่จะขโมยเงินจากกระเป๋า ด้วยวิธีการลักข้อมูลที่อุปกรณ์ปลายทางแทนที่การดักข้อมูลระหว่างทางซึ่งแทบเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ
- e-sport ก็ยังไม่เว้น การเล่นเกมส์มีผู้เล่นจำนวนมาก บวกกับไอเทมในเกมนั้นยังมีมูลค่ามาก การโจมตีเพื่อขโมยตัวผู้เล่นหรือไอเทมในเกมนั้น ก็เกิดมากขึ้นต่อจากนี้
- Edge หรืออุปกรณ์ที่ปลายทาง คือเป้าโจมตี ปัจจุบันไม่เฉาพะ Edge computing ที่มีการใช้งานมากขึ้นและตกเป็นหมาย แต่อุปกรณ์ปลายทางของผู้ใช้งานนั้นก็เป็นอีกหนึ่งของเป้าการโจมตี เพราะอาชญากรมักมองหาเป้าหมายที่อ่อนแอมากที่สุดเพื่อผลการโจมตี
- Dark Web ยังคงเฟื่องฟู แนวโน้มในการโจมตีวันนี้พุ่งเป้าจากระบบไอทีแล้วโยงเข้าไปหาระบบปฏิบัติงาน จากที่ผ่านมาระบบปฏิบัติงานมักพยายามเพิ่มความสะดวกสบายด้วยการนำไอทีมาใช้ และเมื่อระบบไอทีถูกโจมตีแล้วความเสี่ยงก็ตกอยู่กับระบบปฏิบัติการเช่นเดียวกัน
โดยสรุปคือ ภัคธภา กล่าวในตอนท้ายว่า ด้วยความแข็งแกร่งในสภาพแวดล้อมระบบความปลอดภัยไซเบอร์ของ Fortinet ที่ครบในทุกด้านของการป้องกันและทำงานสอดคล้องประสานกันเป็นหนึ่งเดียว บวกกับกลยุทธใหม่ 3 ด้านที่จะนำมาใช้ ทำให้มั่นใจได้ว่า Fortinet สามารถประกาศยืน 1 ในตลาดความปลอดภัยไซเบอร์ในประเทศไทยได้อย่างแน่นอน