ไตรมาสแรก 2025 เทคโนโลยีสมาร์ทโฟนใหม่ อะไรบ้างที่เปลี่ยนโลก

Share

 

เริ่มต้นเข้าเดือนที่สามของปี สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือ แบรนด์มือถือทั่วโลกต่างทยอยปล่อยของออกมาให้กระเป๋าเงินของผู้บริโภคบางลงเรื่อยๆ แน่นอนการเปิดตัวแต่ละค่ายต้องโปรโมทเทคโนโลยีใหม่ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ใช้ เรามาวิเคราะห์กันดีกว่าว่า ไตรมาสแรกของปีนี้โทรศัพท์มือถือได้เปลี่ยนแปลงโลกไปอย่างไรบ้าง

เรามาเริ่มจากไทม์ไลน์การเปิดตัวโทรศัพท์มือถือของปีนี้กันก่อน ในเดือน มกราคม 2025: Samsung: เปิดตัว Galaxy S25 Series ในช่วงครึ่งแรกของเดือนมกราคม 2025 โดยมุ่งเน้นการยกระดับความสามารถของ Galaxy AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานประจำวัน, POCO: เปิดตัว POCO X7 Series เน้นความแรงและเหมาะสำหรับการเล่นเกม, Redmi: เปิดตัว Redmi Note 14 Series มาพร้อมกล้องความละเอียด 200 ล้านพิกเซล, HONOR: เปิดตัว HONOR X9c ที่มาพร้อมชิป Snapdragon 6 Gen 1 และหน้าจอที่ทนทาน, HUAWEI: เปิดตัว Nova 13 Series เน้นความสามารถด้านกล้อง แม้จะไม่รองรับ 5G, ASUS: เปิดตัว ROG Phone 9 Series สมาร์ทโฟนสำหรับเกมเมอร์ที่มาพร้อมชิป Snapdragon 8 Elite

เดือน กุมภาพันธ์ 2025: OPPO: เปิดตัว Reno13 Series 5G มาพร้อมฟีเจอร์ AI Livephoto และ AI Editor เพื่อการถ่ายภาพและวิดีโอที่มีประสิทธิภาพ, Redmi: เปิดตัว Redmi Note 14 Series ต่อเนื่องจากเดือนก่อนหน้า โดยมาพร้อมกล้อง AI ความละเอียดสูงและความทนทานรอบด้าน เดือนมีนาคม 2025: Samsung: คาดว่าจะเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ในซีรีส์ Galaxy A เช่น Galaxy A56, A36 และ A26 ก่อนงาน Mobile World Congress (MWC) 2025 ที่จะเริ่มต้นในวันที่ 3 มีนาคม ที่เมืองบาร์เซโลนา และเชื่อว่าในงานนี้จะมีการเปิดตัวอีกหลายรุ่นหลายแบรนด์กันเลยทีเดียว

แน่นอนแต่ละรายต่างงัดเทคโนโลยีเข้ามาในตลาดเพียบ เรามาสรุปกันว่ามีเทคโนโลยีที่น่าสนใจอะไรบ้าง หนึ่ง AI ขั้นสูงในสมาร์ทโฟน อาทิเช่น Samsung Galaxy AI: เปิดตัวใน Galaxy S25 Series โดยมีฟีเจอร์ AI สำหรับการสรุปบทสนทนา, การแปลภาษาเรียลไทม์ และ AI Photo Editing, OPPO AI Livephoto & AI Editor: ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายภาพและวิดีโอแบบอัตโนมัติ, Google AI Integration ใน Pixel: ฟีเจอร์ Gemini AI ใน Pixel 8 Pro ได้รับการอัปเดตให้รองรับการสร้างสรุปอัตโนมัติและ AI Call Assistant

สอง หน้าจอและดีไซน์ที่ล้ำสมัย อาทิเช่น Samsung Galaxy S25 Ultra: เปิดตัวหน้าจอ Dynamic AMOLED 2X LTPO พร้อมอัตรารีเฟรช 1-120Hz และความสว่างสูงสุด 2,600 nits, POCO X7 Series: ใช้หน้าจอ CrystalRes AMOLED ที่ให้ความละเอียดสูงและสีสันคมชัด, HONOR X9c: เปิดตัวหน้าจอที่มีความทนทานสูงขึ้น ลดโอกาสแตกเมื่อทำตก

สาม กล้องที่ทรงพลังและ AI Camera Enhancement อาทิเช่น Samsung Galaxy S25 Ultra: มาพร้อม กล้อง 200MP พร้อม AI Zoom และระบบป้องกันสั่นขั้นสูง, Redmi Note 14 Pro: นำเสนอเซ็นเซอร์ 200MP AI Camera ที่สามารถซูมดิจิทัลได้โดยไม่เสียรายละเอียด, OPPO Reno13 Pro: ใช้เทคโนโลยี AI Portrait Mode ที่ช่วยปรับภาพถ่ายบุคคลให้ดูเป็นธรรมชาติ, iPhone SE 4 (ข่าวลือ): อาจมาพร้อมเซ็นเซอร์กล้องที่ได้รับการอัปเกรดจากรุ่นก่อน

สี่ ชิปประมวลผลและประสิทธิภาพสูงขึ้น อาทิเช่น Snapdragon 8 Gen 3 (Samsung Galaxy S25 Series, ROG Phone 9 Series, Xiaomi 14 Ultra): เพิ่มประสิทธิภาพด้านการประมวลผลกราฟิกและ AI, Dimensity 9300 (OPPO Find X7 Pro, Vivo X100 Pro): เน้นความสามารถด้านการประหยัดพลังงานและการรองรับการประมวลผล AI, Snapdragon 6 Gen 1 (HONOR X9c, POCO X7 Series): รองรับ 5G และเพิ่มประสิทธิภาพการเล่นเกม

ห้า เทคโนโลยีการชาร์จเร็ว และแบตเตอรี่ที่ดีขึ้น อาทิเช่น Redmi Note 14 Pro: รองรับชาร์จเร็ว 210W HyperCharge, Samsung Galaxy S25 Ultra: ชาร์จเร็ว 65W Super Fast Charging และรองรับชาร์จไร้สาย 45W, OPPO Reno13 Pro: มาพร้อม 80W SuperVOOC Charging, iPhone SE 4 (ลือกันว่า): จะอัปเกรดจากพอร์ต Lightning เป็น USB-C

หก สมาร์ทโฟนพับได้รุ่นใหม่ อาทิเช่น Samsung Galaxy Z Fold6 & Z Flip6: เน้นดีไซน์ที่เบาขึ้น บานพับแข็งแรงขึ้น และ AI Optimized Multitasking, HONOR Magic V2: สมาร์ทโฟนพับได้ที่บางที่สุดในตลาด

โดยรวมแล้ว ไตรมาสแรกของปี 2025 โฟกัสไปที่ AI, กล้องความละเอียดสูง, หน้าจอที่พัฒนาขึ้น และแบตเตอรี่ที่ชาร์จเร็วขึ้น ซึ่งช่วยให้สมาร์ทโฟนตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

มองแค่เทคโนโลยีไม่พอ คงต้องมองถึงผลกระทบของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนไตรมาสแรกปี 2025 ต่อคนทั้งโลก ว่ามันลึกลงถึงแค่ไหน

1. AI อัจฉริยะ: เปลี่ยนโฉมการใช้งานมือถือ

🔹 AI Personal Assistant ขั้นสูง เช่น Samsung Galaxy AI, Google Gemini, OPPO AI Editor ทำให้สมาร์ทโฟนเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้มากขึ้น → ลดภาระงาน, เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน และช่วยแปลภาษาแบบเรียลไทม์
🔹 AI Camera ช่วยให้ทุกคนถ่ายภาพระดับโปรโดยไม่ต้องใช้ความรู้ด้านการถ่ายภาพ → กระทบวงการครีเอเตอร์และการตลาดดิจิทัล
🔹 AI สรุปบทสนทนาและ Call Assistant → ช่วยลดเวลาในการตอบข้อความ และช่วยเหลือผู้ที่มีข้อจำกัดด้านการสื่อสาร

2. หน้าจอและดีไซน์ที่ดีขึ้น: ปรับปรุงประสบการณ์ใช้งาน

🔹 หน้าจอที่ทนทานขึ้น (เช่น HONOR X9c, Samsung Ultra Series) → ลดการเปลี่ยนเครื่องบ่อย ช่วยลดขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-waste)
🔹 หน้าจอที่สว่างขึ้นและแสดงผลดีขึ้น → ทำให้การทำงานกลางแจ้งดีขึ้น และเหมาะกับการดูสื่อความบันเทิง

3. กล้อง AI และการแชร์คอนเทนต์ที่ง่ายขึ้น

🔹 กล้อง 200MP + AI Enhancement (Samsung, Redmi, OPPO) → ช่วยให้ผู้คนสร้างคอนเทนต์คุณภาพสูงโดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ราคาแพง
🔹 AI Portrait Mode & AI Video Editing → เพิ่มโอกาสให้ธุรกิจออนไลน์, อินฟลูเอนเซอร์ และอาชีพครีเอเตอร์เติบโตมากขึ้น

4. ชิปประมวลผลที่เร็วขึ้น: ปลดล็อกศักยภาพใหม่ๆ

🔹 Snapdragon 8 Gen 3 และ Dimensity 9300 ช่วยให้เกมมือถือและแอป AR/VR ทำงานได้ลื่นขึ้น → กระตุ้นการเติบโตของอุตสาหกรรมเกมและโลกเสมือนจริง (Metaverse)
🔹 AI + Edge Computing ในสมาร์ทโฟน → ลดการพึ่งพาคลาวด์, ประมวลผลข้อมูลบนเครื่อง ทำให้แอปทำงานได้รวดเร็วขึ้นและปลอดภัยขึ้น

5. แบตเตอรี่และการชาร์จเร็ว: ลดข้อจำกัดด้านพลังงาน

🔹 ชาร์จเร็ว 210W (Redmi), 80W (OPPO), 65W (Samsung) → ลดเวลารอชาร์จ ทำให้มือถือพร้อมใช้งานตลอดวัน
🔹 พัฒนาแบตเตอรี่ให้มีอายุการใช้งานยาวขึ้น → ลดของเสียจากแบตเตอรี่ที่เสื่อมเร็ว และช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

6. สมาร์ทโฟนพับได้: เปลี่ยนการทำงานและความบันเทิง

🔹 Samsung Galaxy Z Fold6, HONOR Magic V2 → ทำให้มือถือแทนที่แท็บเล็ตได้ ลดภาระพกพาอุปกรณ์หลายชิ้น
🔹 เหมาะกับคนทำงานและนักเรียน ที่ต้องการอุปกรณ์ที่พกพาง่ายแต่ให้ประสบการณ์ใช้งานเหมือนแล็ปท็อป

ผลกระทบโดยรวมต่อสังคมโลก เพิ่มความสะดวกสบาย → AI ช่วยจัดการงาน, ควบคุมสมาร์ทโฮม, และสื่อสารได้เร็วขึ้น, ช่วยเหลือผู้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกาย → AI แปลภาษาสำหรับคนหูหนวก, Voice Assistant สำหรับผู้ที่มองเห็นไม่ชัด, สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจ → ครีเอเตอร์, นักพัฒนาเกม, และธุรกิจออนไลน์สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงได้ง่ายขึ้น, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม → มือถือทนทานขึ้น, ชาร์จเร็วขึ้น, ลดการผลิตขยะอิเล็กทรอนิกส์ สรุป: สมาร์ทโฟนปี 2025 ไม่ได้เป็นแค่เครื่องมือสื่อสาร แต่กำลังกลายเป็นศูนย์กลางของ AI, การทำงาน, ความบันเทิง และการใช้ชีวิตประจำวันของทุกคน

ข้อเสียของเทคโนโลยีสมาร์ทโฟนในปี 2025 ต่อสังคม แม้เทคโนโลยีใหม่ๆ ในสมาร์ทโฟนจะช่วยอำนวยความสะดวกและพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน แต่ก็มีผลกระทบด้านลบที่ต้องคำนึงถึงด้วย

AI และความเป็นส่วนตัว (Privacy & Security Risks) โดย AI อาจละเมิดความเป็นส่วนตัว, AI เช่น Samsung Galaxy AI, Google Gemini, OPPO AI Editor อาจเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้มากขึ้น เช่น บทสนทนา, พฤติกรรมการใช้งาน, หรือภาพถ่ายส่วนตัว เพื่อพัฒนา Machine Learning ข้อมูลอาจถูกใช้โดยบริษัทหรือถูกแฮ็ก หากไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เพียงพอ เกิด Deepfake และข่าวปลอมเพิ่มขึ้น กล้อง AI และ AI Video Editing ช่วยให้ใครก็สามารถสร้างเนื้อหาปลอมที่สมจริงได้ → ทำให้เกิดปัญหาด้านข่าวปลอม (Fake News) และอาจถูกใช้ใน อาชญากรรมไซเบอร์

ในด้านที่ AI อาจแทนที่มนุษย์ในบางงาน AI Call Assistant, AI Photo/Video Editing ทำให้บางอาชีพ เช่น Call Center, ตัดต่อวิดีโอ, หรือแปลภาษา อาจได้รับผลกระทบจากการถูกแทนที่ด้วยระบบอัตโนมัติ

ด้านผลกระทบต่อสุขภาพจิตและร่างกาย เกิดการเสพติดมือถือมากขึ้น (Smartphone Addiction)โดยเฉพาะฟีเจอร์ AI และกล้องขั้นสูง อาจทำให้ คนใช้เวลากับมือถือมากเกินไป เช่น ดูโซเชียลมีเดีย, เล่นเกม, หรือสตรีมมิง → กระทบชีวิตจริง เช่น นอนไม่พอ, ไม่มีสมาธิ และลดปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง เกิดภาวะซึมเศร้าและความกังวลเพิ่มขึ้น ฟีเจอร์กล้อง 200MP และ AI Filter ทำให้ภาพบนโซเชียลดูสมบูรณ์แบบ → คนอาจรู้สึกกดดันจากค่านิยมความงามที่ไม่เป็นจริง (Body Dysmorphia) AI Algorithm บนแพลตฟอร์มโซเชียลอาจทำให้ผู้ใช้เห็นแต่เนื้อหาที่สร้างความวิตกกังวลหรือทำให้เกิด Echo Chamber

ด้านปัญหาสุขภาพร่างกาย เกิดจากหน้าจอที่สว่างขึ้น อาจทำให้ สายตาล้า, ปวดตา และส่งผลต่อการนอน หากใช้มือถือเป็นเวลานาน แม้สมาร์ทโฟนพับได้อาจช่วยเรื่องพกพา แต่บางรุ่นยังหนักและใช้งานด้วยมือเดียวได้ยาก

ปัญหาสิ่งแวดล้อม (E-Waste & Energy Consumption) แน่นอนสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ออกเร็วขึ้น ทำให้ของเก่าถูกทิ้งเร็วขึ้น ผู้คนอาจจะถูกกระตุ้นให้เปลี่ยนมือถือบ่อยขึ้นจาก AI Marketing และฟีเจอร์ใหม่ที่อัปเกรดทุกปี → เพิ่มขยะอิเล็กทรอนิกส์ (E-Waste) การผลิตมือถือนั้นใช้ทรัพยากรมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการผลิตชิปเซ็ต, แบตเตอรี่ และจอ OLED ต้องใช้แร่หายาก → กระทบสิ่งแวดล้อม และอาจก่อให้เกิดปัญหาการขุดแร่ที่ผิดกฎหมายในบางประเทศ แบตเตอรี่ลิเธียมและการชาร์จเร็ว  เช่น 210W HyperCharge แม้จะสะดวก แต่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น → คนต้องเปลี่ยนมือถือหรือแบตเตอรี่บ่อยขึ้น

ราคาสูงขึ้น และความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยี คุณอาจไม่รู้ว่า มือถือระดับไฮเอนด์แพงขึ้นมากเทคโนโลยีใหม่ เช่น AI Processing, หน้าจอ LTPO, กล้อง 200MP ทำให้สมาร์ทโฟนระดับเรือธงมีราคาสูงขึ้น เช่น Galaxy S25 Ultra อาจแตะ 50,000-60,000 บาท คนทั่วไปอาจไม่สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีระดับสูงได้ ส่งผลให้เกิด ความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยี ส่วนสมาร์ทโฟนราคาถูกอาจถูกลดฟีเจอร์ลง เพราะผู้ผลิตบางรายอาจเลือกลดต้นทุน เช่น ใช้วัสดุที่คุณภาพต่ำกว่า หรือจำกัดอัปเดตซอฟต์แวร์ → ทำให้ผู้ใช้มือถือราคาถูกได้รับประสบการณ์ที่ด้อยกว่ามือถือเรือธง

สมาร์ทโฟนเทคโนโลยีปีนี้ยังไปต่ออีก 9 เดือน และตามที่คาดปีนี้เป็นปีของ AI ทุกอย่างยังไม่จบอยู่แค่นี้ AI ของใครจะฉลาดกว่า จะเก่งกว่า และเปลี่ยนแปลงโลกได้มากกว่า เรื่องสนุกแบบนี้ยังรอให้เราติดตามตอนต่อไป

Related Articles