เมื่อปีนี้เป็นปีของเอไอ แล้วอาชีพอะไรที่จะรองรับและปังสุดๆ เมื่อเห็นอาชีพแล้วจะต้องไปอัพสกิลอย่างไร มีหลักสูตรแบบไหนสอนในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย คำถามมากมายแบบนี้ มาหาคำตอบกัน
ข่าวโครงการ Lancashire MEGA Hubs ที่เปิดตัวในเขตแลงคาเชียร์ ประเทศอังกฤษ มุ่งเน้นการเสริมสร้างทักษะด้าน AI และดิจิทัลให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา รวมถึงการฝึกฝนด้านการเขียนโค้ด ความปลอดภัยทางไซเบอร์ และการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) โครงการนี้ได้รับเงินทุน 550,000 ปอนด์ และจะดำเนินไปจนถึงสิ้นปีการศึกษา 2026 โดยมีเป้าหมายในการลดช่องว่างทักษะดิจิทัล และเตรียมความพร้อมสำหรับอุตสาหกรรมที่ต้องใช้เทคโนโลยี ถ้าใครได้อ่านผ่านๆ อาจไม่รู้สึกอะไร เพราะเราจะมีข่าวเช่นนี้เกิดขึ้นเมื่อเรามีเทคโนโลยีใหม่ๆ ดังๆ เกิดขึ้นในโลก
แน่นอนในยุคที่ AI และเทคโนโลยีดิจิทัลกำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมทั่วโลก การเตรียมความพร้อมให้นักเรียนตั้งแต่ระดับมัธยมศึกษาเป็นสิ่งจำเป็น โครงการนี้จะเข้ามาช่วยให้นักเรียนได้สัมผัสกับทักษะที่เป็นที่ต้องการในตลาดแรงงาน เช่น AI, Cybersecurity และ Esports ซึ่งอาจเป็นอาชีพในอนาคต
ว่าแต่อังกฤษและประเทศไทยมีกับเค้าบ้างหรือไม่ แน่นอนว่ามี เช่น โครงการ AI for Kids: จัดโดยมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้เยาวชนอายุ 8-14 ปี ได้เรียนรู้เกี่ยวกับ AI ผ่านกิจกรรมที่ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์, โครงการ Intel® AI for Youth: สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) ร่วมกับบริษัทอินเทล จัดโครงการนี้เพื่อยกระดับทักษะ AI แก่บุคลากรทางการศึกษาและเยาวชนไทย, โครงการ AI@School: สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) เปิดตัวแพลตฟอร์ม KidBright AI เพื่อให้นักเรียนทั่วประเทศได้ฝึกทักษะการเขียนโค้ดและการพัฒนา AI, โครงการ “เปิดโลกทักษะ AI และความปลอดภัยทางไซเบอร์”: สำนักงานคณะกรรมการการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ (สกมช.) ร่วมกับ Microsoft และโรงเรียนในเครือสารสาสน์ จัดอบรมให้กับนักเรียนและนักศึกษาทั่วประเทศกว่า 10,000 คน, โครงการ D.O.T Project 2024: จัดโดยคณะบริหารธุรกิจและคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เพื่อเสริมสร้างความรู้และทักษะในการประยุกต์ใช้ AI ในการทำการตลาดและสื่อโฆษณา
โครงการในระดับสากล ก็มีอย่างเช่น โครงการ AI for Youth: บริษัทอินเทลได้ดำเนินโครงการนี้ในหลายประเทศ เช่น อินเดีย เยอรมนี และโปแลนด์ เพื่อเสริมสร้างทักษะ AI ให้กับเยาวชน, โครงการ AI4ALL: องค์กรไม่แสวงหาผลกำไรในสหรัฐอเมริกา ที่มุ่งเน้นการส่งเสริมการศึกษา AI สำหรับนักเรียนมัธยมปลาย โดยเฉพาะกลุ่มที่ขาดโอกาส, โครงการ Elements of AI: หลักสูตรออนไลน์ฟรีที่พัฒนาโดยมหาวิทยาลัยเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ เพื่อให้ประชาชนทั่วไปได้เรียนรู้พื้นฐานของ AI โครงการเหล่านี้สะท้อนถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมให้เยาวชนทั่วโลกในการเผชิญกับความท้าทายและโอกาสในยุคดิจิทัล
โครงการเหล่านี้มีทั้งข้อดีและความท้าทายที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ข้อดีของโครงการพัฒนาทักษะ AI และดิจิทัล 1.เตรียมความพร้อมสู่อนาคต เทคโนโลยี AI และดิจิทัลกำลังกลายเป็นทักษะสำคัญในทุกสายอาชีพ การให้เด็กเรียนรู้ตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้พวกเขามีโอกาสที่ดีขึ้นในอนาคต 2.เพิ่มโอกาสการจ้างงาน หลายอุตสาหกรรมต้องการบุคลากรที่มีทักษะด้าน AI, การเขียนโค้ด และความปลอดภัยไซเบอร์ โครงการเหล่านี้ช่วยสร้างบุคลากรที่ตอบโจทย์ตลาดแรงงาน 3.ช่วยลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา บางโครงการมุ่งเน้นให้นักเรียนจากทุกพื้นฐานสามารถเข้าถึงความรู้ด้านเทคโนโลยี โดยไม่จำกัดแค่ในเมืองใหญ่หรือโรงเรียนที่มีงบประมาณสูง 4.สร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก การได้ทดลองใช้ AI หรือพัฒนาโปรเจกต์ของตัวเอง อาจทำให้เด็กสนุกกับการเรียนและค้นพบความสามารถที่ซ่อนอยู่
แต่ข้อกังวลที่อาจเกิดขึ้น มีหลายประการคือ 1.จะมีครูที่มีความสามารถมาสอนหรือไม่? นี่เป็นหนึ่งในความท้าทายที่ใหญ่ที่สุด! ปัจจุบันครูส่วนใหญ่ยังขาดความเชี่ยวชาญด้าน AI และการเขียนโค้ดหลายโครงการจึงพยายามฝึกอบรมครูก่อน เช่น โครงการ Intel AI for Youth ที่สอนครูให้สามารถถ่ายทอดความรู้ AI ให้เด็กได้ บางโครงการใช้ e-learning และ self-learning ซึ่งหมายความว่าเด็กอาจต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองมากขึ้น
2.เด็กจะเรียนหนักเกินไปหรือไม่? จะเห็นว่าถ้าหลักสูตรไม่ได้ออกแบบมาให้เหมาะสมกับวัย อาจทำให้เด็กเครียดหรือรู้สึกว่ามันยากเกินไป อย่างไรก็ตาม โครงการที่ดีจะเน้นการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (project-based learning) และเกม เช่น Minecraft Education Edition หรือ AI for Kids ที่ออกแบบให้เด็กสนุกกับการเรียน ปัญหาจะเกิดขึ้นถ้าครูหรือโรงเรียนพยายามเพิ่มเนื้อหาแบบเข้มข้นเกินไปจนเด็กไม่มีเวลาพัก 3.เด็กที่ไม่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีจะตามไม่ทันหรือไม่? ถ้าโครงการไม่มีแนวทางช่วยเด็กที่ไม่มีพื้นฐาน เช่น ไม่มีการสอนตั้งแต่พื้นฐานจริง ๆ อาจทำให้เด็กบางกลุ่มรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมาะกับการเรียนด้านนี้ โดยโครงการที่ดีควรมีการแบ่งระดับของบทเรียน และให้เด็กเรียนรู้ตามจังหวะของตัวเอง
การพัฒนาเด็กให้มีทักษะด้าน AI สามารถทำได้สองแนวทางหลัก: 1.สอนให้เด็กเข้าใจ AI และสร้าง AI ได้เอง เช่น การเขียนโค้ด การพัฒนาโมเดล AI และการเรียนรู้ด้าน Machine Learning 2.ฝึกเด็กให้ใช้ AI อย่างชำนาญ ให้เด็กเรียนรู้การใช้ AI เครื่องมือต่าง ๆ อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ChatGPT, Midjourney, Google Bard, Copilot ฯลฯ
เปรียบเทียบทั้งสองแนวทาง
หัวข้อ | สอนให้สร้าง AI | ฝึกให้ใช้ AI |
เป้าหมาย | ให้เด็กเข้าใจเบื้องหลังการทำงานของ AI และสามารถพัฒนา AI เองได้ | ให้เด็กใช้ AI เป็นเครื่องมือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเรียนรู้ |
เหมาะกับใคร? | เด็กที่สนใจด้านเทคโนโลยี โปรแกรมเมอร์ วิศวกร AI และสาย STEM | เด็กทุกคนที่ต้องใช้ AI ในชีวิตประจำวัน เช่น การเรียน การทำงาน การสร้างสรรค์ |
ความยาก | ยากกว่า ต้องมีพื้นฐานคณิตศาสตร์ โค้ดดิ้ง และแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ | ง่ายกว่า สามารถเริ่มต้นได้เร็วและใช้งานได้ทันที |
ทักษะที่ได้รับ | การเขียนโค้ด Python, การพัฒนา Machine Learning, AI Ethics, การวิเคราะห์ข้อมูล | การตั้งคำถามให้ AI ตอบได้ดี, การใช้ AI ช่วยทำงาน, การคิดเชิงวิพากษ์ (Critical Thinking) |
โอกาสทางอาชีพ | นักพัฒนา AI, วิศวกร Machine Learning, นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล | นักเขียน, นักออกแบบ, นักการตลาด, นักธุรกิจ, ผู้ประกอบการ |
ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแนวทาง 1. สอนให้เด็กสร้าง AI ข้อดี: ทำให้เด็กเข้าใจ AI อย่างลึกซึ้ง สามารถพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ได้ มีโอกาสทางอาชีพในสายงาน AI และวิทยาการข้อมูลสูง ส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และทักษะเชิงเทคนิค ข้อเสีย: ต้องใช้เวลาและความพยายามสูง เด็กบางคนอาจไม่สนใจหรือรู้สึกว่ายากเกินไป ต้องการครูที่มีความรู้ด้าน AI และการเขียนโค้ด ซึ่งยังขาดแคลน
- ฝึกเด็กให้ใช้ AI เก่ง ๆ ข้อดี: เริ่มต้นได้ง่ายและเห็นผลเร็ว เด็กทุกคนสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มศักยภาพของตัวเองได้ ใช้ได้ในทุกอาชีพ ตั้งแต่การเรียนไปจนถึงการทำงาน ข้อเสีย: อาจทำให้เด็กพึ่งพา AI มากเกินไปจนขาดทักษะพื้นฐานบางอย่าง หากไม่มีการสอนเรื่อง AI Ethics และการตรวจสอบข้อมูล เด็กอาจใช้ AI อย่างไม่ระมัดระวัง
แล้วแบบไหน “ดีกว่า”? แน่นอนมันขึ้นอยู่กับ เป้าหมายของเด็กและบริบทของการเรียนรู้ ถ้าอยากให้เด็กมีความเข้าใจ AI อย่างลึกซึ้ง และอาจทำงานในสายนี้ในอนาคตก็ต้อง “สอนให้เด็กสร้าง AI” ถ้าอยากให้เด็กทุกคนใช้ AI ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวันและการทำงาน ก็ต้อง “ฝึกให้เด็กใช้ AI ให้เก่ง”
คราวนี้มาดูกันว่า หากเราสอนเด็กให้เก่งเอไอแล้ว จะมีอาชีพแบบใดรองรับโดยเฉพาะหรือไม่
- วิศวกร AI (AI Engineer) หน้าที่: พัฒนาโมเดล Machine Learning และ AI ที่สามารถเรียนรู้และตัดสินใจได้เอง รวมถึงสร้างระบบอัตโนมัติที่ช่วยลดภาระงานของมนุษย์, โอกาสในการเติบโต: เป็นอาชีพที่มีค่าตอบแทนสูง และต้องการตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น เทคโนโลยี การเงิน และสุขภาพ, ทักษะที่ต้องมี: การเขียนโปรแกรม (Python, Java), ความเข้าใจเกี่ยวกับ Machine Learning และ Deep Learning, คณิตศาสตร์และสถิติ
- นักวิทยาศาสตร์ข้อมูล (Data Scientist) หน้าที่: วิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data) ใช้ AI และ Machine Learning คาดการณ์แนวโน้มและช่วยตัดสินใจทางธุรกิจ, โอกาสในการเติบโต: เป็นที่ต้องการในทุกอุตสาหกรรม เช่น ธนาคาร สุขภาพ ค้าปลีก และโลจิสติกส์, ทักษะที่ต้องมี: คณิตศาสตร์ สถิติ และการวิเคราะห์ข้อมูล, การเขียนโปรแกรม (Python, R, SQL), การใช้เครื่องมือ BI (เช่น Tableau, Power BI)
- นักออกแบบ UX/UI สำหรับ AI (AI UX/UI Designer) หน้าที่: ออกแบบอินเทอร์เฟซให้ AI ใช้งานง่ายและตอบโจทย์ผู้ใช้ เช่น การพัฒนา Chatbot และแอปพลิเคชัน AI, โอกาสในการเติบโต: AI กำลังถูกนำมาใช้ในทุกแอปพลิเคชันและแพลตฟอร์ม อาชีพนี้จึงเป็นที่ต้องการสูง, ทักษะที่ต้องมี: การออกแบบ UI ด้วย Figma, Adobe XD, การทำวิจัยพฤติกรรมผู้ใช้ (User Experience)
- นักจริยธรรม AI (AI Ethics Specialist) หน้าที่: ตรวจสอบว่า AI มีความเป็นธรรม ไม่ลำเอียง (Bias) และใช้งานอย่างมีจริยธรรม, โอกาสในการเติบโต: บริษัทเทคโนโลยีและรัฐบาลทั่วโลกต้องการผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เพื่อกำหนดแนวทางการใช้ AI อย่างปลอดภัย, ทักษะที่ต้องมี: ความรู้ด้านกฎหมายและนโยบาย AI, การวิเคราะห์จริยธรรมและความรับผิดชอบต่อสังคม
- วิศวกรหุ่นยนต์ (Robotics Engineer) หน้าที่: ออกแบบและพัฒนาหุ่นยนต์ที่ใช้ AI เช่น หุ่นยนต์อุตสาหกรรม และรถยนต์ไร้คนขับ, โอกาสในการเติบโต: หุ่นยนต์ถูกนำมาใช้มากขึ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การแพทย์ การผลิต และโลจิสติกส์, ทักษะที่ต้องมี: วิศวกรรมไฟฟ้าและเครื่องกล, การเขียนโค้ดสำหรับระบบหุ่นยนต์ (C++, Python, ROS)
- นักวิเคราะห์ความปลอดภัยไซเบอร์ AI (AI Security Analyst) หน้าที่: ปกป้องระบบ AI จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ วิเคราะห์และป้องกันแฮกเกอร์ที่ใช้ AI, โอกาสในการเติบโต: ความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเรื่องสำคัญที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในองค์กรขนาดใหญ่, ทักษะที่ต้องมี: Cybersecurity, Ethical Hacking, การทำงานกับระบบ AI และ Machine Learning
- ผู้เชี่ยวชาญด้าน AI สำหรับงานสร้างสรรค์ (AI Creative Specialist) หน้าที่: ใช้ AI สร้างสรรค์ผลงาน เช่น ศิลปะ ดนตรี วิดีโอ และโฆษณา, โอกาสในการเติบโต: AI อย่าง Midjourney, Runway AI และ DALL·E กำลังเปลี่ยนแปลงวงการออกแบบและสื่อสร้างสรรค์, ทักษะที่ต้องมี: การใช้เครื่องมือ AI ด้านศิลปะ, ทักษะด้านการออกแบบและความคิดสร้างสรรค์
- วิศวกรพร้อมท์ AI (AI Prompt Engineer) หน้าที่: ออกแบบคำสั่ง (Prompt) ให้ AI ตอบคำถามได้แม่นยำ และใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ, โอกาสในการเติบโต: อาชีพนี้กำลังเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจาก AI อย่าง ChatGPT และ Midjourney กำลังได้รับความนิยม, ทักษะที่ต้องมี: การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking), การเขียนเชิงสร้างสรรค์, ความเข้าใจหลักการทำงานของ AI
อาชีพ AI Prompt นั้น จะกลายเป็นอีกหนึ่งอาชีพที่จะเกิดขึ้นหลากหลายมากที่สุด เพราะมันคือ AI Prompt Specialist ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับแนวทางที่สองที่เราคุยกัน นั่นคือ การฝึกเด็กให้ใช้ AI ให้เก่ง Prompt Engineer คืออะไร? Prompt Engineer คือคนที่เชี่ยวชาญในการออกแบบคำสั่ง (Prompt) เพื่อให้ AI อย่าง ChatGPT, Midjourney, DALL·E, หรือ AI อื่น ๆ ให้คำตอบหรือสร้างผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
ตัวอย่างงานของ Prompt Engineer: การออกแบบคำสั่งให้ AI ตอบคำถามได้อย่างแม่นยำ, การปรับแต่ง AI ให้เหมาะกับงานเฉพาะ เช่น การตลาด, การเขียนโค้ด, การออกแบบ การทดสอบและวิเคราะห์ว่า Prompt แบบไหนได้ผลลัพธ์ดีที่สุด การทำให้ AI มีเอกลักษณ์หรือสไตล์ที่เฉพาะเจาะจง
เด็กควรฝึกอะไรบ้าง ถ้าสนใจอาชีพนี้? การคิดวิเคราะห์ (Critical Thinking) – วิเคราะห์ว่าคำถามแบบไหนจะทำให้ AI ตอบได้ดีที่สุด, การเขียนเชิงสร้างสรรค์ (Creative Writing) – ออกแบบพร้อมท์ให้ AI ตอบออกมาเป็นธรรมชาติ, การเข้าใจหลักการทำงานของ AI – รู้ว่า AI มีข้อจำกัดอะไร และทำงานอย่างไร, การทดลองและปรับปรุง (Iteration Skills) – ลองใช้หลายๆ Prompt และดูว่าแบบไหนให้ผลลัพธ์ดีที่สุด
สรุป อาชีพที่เกี่ยวข้องกับ AI มีความหลากหลายและครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่วิทยาศาสตร์ข้อมูล วิศวกรรม ไปจนถึงศิลปะและจริยธรรม AI ไม่ใช่แค่เรื่องของโปรแกรมเมอร์อีกต่อไป แต่เป็นโอกาสสำหรับทุกคนที่ต้องการเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับโลกอนาคต หากคุณสนใจ AI นี่คือช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการพัฒนาทักษะและเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพในอนาคต!